จากกรณี เจ้าหน้าที่สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ กรมป่าไม้ ทหารกองทัพภาคที่ 4 ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา และกองกำลังชุดพยัคฆไพร เข้าตรวจค้นบ้านพักตากอากาศ 2 หลัง บนเขาในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลาและป่าแหลมซำ ต.คลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงาชื่อ บ้านดาวล้อม มูลค่าไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท ที่เชื่อว่าเป็นของนักธุรกิจใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลาและแหลมซำ แต่ขายต่อให้กับเจ้าสัวหมื่นล้านชื่อดัง เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ก.ย.60 ที่สำนักคดี คุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ ชั้น 8 ศูนย์ราชการอาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯนายบุญชัย เบญจรงคกุล เจ้าสัวหมื่นล้าน พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ และนายพิเชฏฐ์ ทองศรีนุ่น พนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำในฐานะ เคยมีชื่อเป็นเจ้าของคฤหาสน์ดาวล้อม โดยนายบุญชัย พร้อมทนาย ตรงเข้าของพนักงานสอบสวนทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่มาดักรอ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเรียกนายบุญชัยมาให้ปากคำในวันนี้ เนื่องจากพนักงานสอบสวน ต้องการทราบว่า นายบุญชัย ซื้อที่ดินต่อมาจากใคร ในปี พ.ศ.ใด ราคาเท่าไหร่ เนื่องจากดีเอสไอ ต้องการสาวให้เห็นเส้นทางเงินว่าจะโยงไปถึงเสี่ย "ธ" นักธุรกิจภูเก็ต หรือไม่ เนื่องจากมีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดคนแรก นอกจากนี้จะดูเจตนาว่า นายบุญชัย มีเจตนาบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ หรือเป็นเพียงผู้รับซื้อคฤหาสน์ต่ออีดทอดโดยไม่ทราบว่ารุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ ทั้งนี้บ้านดาวล้อมจะต้องมีการรื้อถอนเพราะสร้างบนที่ดินป่าสงวนฯ และออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ หลังใช้เวลากว่า 3 ชม.ต่อมาเวลา 14.00 น.นายบุญชัย ให้ปากคำเจ้าหน้าที่เสร็จ และออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นายบุญชัย เผยว่า ตนเองเข้ามาชี้แจงกับ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพราะได้รับจดหมายเชิญ โดยเจ้าหน้าที่มาสอบถามเกี่ยวกับ เครือข่ายอันดามัน ที่ แจ้งว่ามีกลุ่มนายทุนเข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ วันนี้ตนเองจึงได้เตรียมเอกสาร หลักฐานต่างๆมาชี้แจง ถึงการได้มาซึ่งที่ดินในจังหวัดพังงา ว่า ได้มาโดยสุจริต ตนซื้อมาจากเพื่อน ที่ทำโครงการบ้านตากอากาศ บริษัทเคปพังงา รีสอร์ท ซึ่งเพื่อนนักเรียนสมัยเรียนที่อเมริกากับตน ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการซื้อต่อจากบุคคลในพื้นที่ อีกทอดหนึ่ง
"ส่วนรายละเอียดว่าสภาพพื้นที่ และการจ่ายชำระ เอกสารสัญญาการซื้อขาย กับ บริษัทเคป พังงา รีสอร์ท ด้วย ใบอนุญาตก่อสร้าง ที่มาที่ไปของบริษัทที่ไปไถ่ถอนทุกแปลงออกมาจากธนาคารกสิกร ได้มอบให้กับเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ ไปหมดแล้ว ก็น่าจะเป็นอะไร ที่เพียงพอในการชี้แจง จากนี้ไปก็เป็นดุลยพินิจของดีเอสไอ เพราะตนเอง ก็ยืนยันว่า การได้มาซึ่งที่ดิน นั้น ได้ที่มาโดยบริสุทธิ์ ไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน และ ซื้อมาจากบริษัทที่พัฒนาที่ดินอสังหาริมทรัพย์ มีรายละเอียดที่ชัดเจน" นายบุญชัย กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.มนตรี ระบุว่า วันนี้ สอบสวน นายบุญชัย ในฐานะพยาน ซึ่งทางดีเอสไอ ต้องรู้ข้อเท็จจริงให้ครอบคลุมทั้งหมด เพื่อจะหาว่า สถานที่ดังกล่าวมีการออกเอกสารสิทธิ์โดยชอบหรือไม่ ซึ่งการสอบสวน เราต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ในทุกมิติว่า มีความเป็นมาอย่างไร และต้องมีการสอบพยานอีกหลายปาก ทั้งเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่ ที่ดินพังงา ที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว แต่ตอนนี้ ยังไม่ได้เชิญมาให้ข้อมูล เพราะต้องสอบเริ่มต้นจากพยานที่ใกล้ชิดกับที่ดินก่อน แล้วจึงสืบสาวเรื่องราวในอดีตว่าการออกเอกสารสิทธิ์โดยชอบหรือไม่
"ส่วนภาพถ่ายทางอากาศ นั้นยังไม่ได้ดำเนินการ เพราะการวิเคราะห์ การอ่านแปลเบื้องต้น ต้องทำโดยละเอียด ซึ่งวันนี้เป็นการสอบสวน เต็มรูปแบบ ส่วนจะมีการเชิญ นายบุญชัย มาใหข้อเท็จจริงอีกหรือไม่ ต้องดูว่า ข้อเท็จจริงมีอะไรเพิ่มเติมที่จะต้องสอบถามหรือไม่ แต่วันนี้ เท่าที่พูดคุยซักถาม ก็ค่อนข้างครอบคลุมแล้ว" พ.ต.ท.มนตรี กล่าว