เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 7 ก.ย. 60 พ.ต.ท.หัสดินทร์ นพวงศ์ ณ อยุธยา สวป.สน.วัดพระยาไกร ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกเข้าไปชิงเงินสด ภายในธนาคารธนชาต สาขาบางโคล่ เลขที่ 489 ถนนพระราม 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สุรชัย ควรเตชะคุปต์ รองผบช., พ.ต.อ.รัชพล ชนะศรีขจร ผกก.สน.วัดพระยาไกร, พ.ต.ท.ชนันท์เปรมปลื้มจิตต์ รอง ผกก. สส. ตำรวจฝ่ายสืบสวน และกองพิสูจน์หลักฐาน ที่เกิดเหตุเป็นตึกสูง 3 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นธนาคาร ภายในพบเจ้าหน้าที่ธนาคาร ยืนรออยู่ในอาการตื่นตระะหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังมีคนร้ายเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 30 ปี ลักษณะท้วม สูงประมาณ 170 ซม. สวมเสื้อผ้าสีดำมีเสื้อแจ๊ตเกตสีดำคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง สะพายเป้เดินเข้ามาภายในธนาคารทำที่ว่าเป็นลูกค้ากลุ่มแรก หลังธนาคารเปิดได้ไม่นาน ก่อนจะใช้อาวุธปืนลูกโม่ไม่ทราบขนาด วางไว้บนกระเป๋าเป้ที่วางไว้บนเคาเตอร์ ก่อนจะบอกพนักงานหน้าเคาเตอร์ที่เป็นพนักงานผู้หญิงว่า "ส่งเงินมาให้หมด" ด้วยความกลัวพนักงานจึงได้หยิบเงินที่เตรียมไว้เพื่อเบิก-จ่ายส่งให้คนร้าย ใส่กระเป๋าไปจำนวนทั้งสิ้น 275,000 บาท และเดินไปบอกกับพนักงานผู้ชายอีกคนหนึ่งว่า "ผมขอโทษผมต้องการใช้เงิน" ก่อนที่จะเดินหลบหนีออกไปจากธนาคารแล้วเดินไปทางปากซอย พระราม 3 ซอย 23 พล.ต.ต.สุรชัย เผยว่า ธนาคารดังกล่าวเปิดให้บริการเวลาประมาณ 08.30 น. และยังไม่มีลูกค้า กระทั่ง เวลา 08.52 น. คนร้ายทำทีเป็นลูกค้า แต่งตัวคล้ายพนักงานส่งเอกสาร รูปร้างท้วม สูง ไม่มีเครื่องปกปิดใบหน้า เดินเข้ามาใช้ปืน ชนิดลูกโม่ ไม่ทราบขนาด ไม่ทราบว่าเป็นปืนจริงหรือปืนปลอม เข้ามาจี้ก่อนนำเงินใส่กระเป๋าหลบหนีด้วยท่าทีนิ่งเฉยโดยใช้เวลาก่อเหตุทั้งสิ้นประมาณ 1 นาที ซึ่งจากการสอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัย ให้การว่าคุ้นๆหน้าโจรรายดังกล่าวซึ่งอาจเคยมีการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารสาขาดังกล่าวมาก่อนจึงรู้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมในการก่อเหตุเป็นอย่างดี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการไล่ช่วงเวลาและประวัติลูกค้าว่าคนร้ายคนดังกล่าวเคยเข้ามาใช้บริการที่นี้หรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าธนาคารสาขาดังกล่าว เคยถูกก่อเหตุในลักษณะเดียวกันเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมาได้เงินสดไปจำนวน 170,000 บาท โดยมีการแต่งกายคล้ายพนักงานส่งเอกสารเหมือนกันกับครั้งนี้แต่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายหลังก่อเหตุ อย่างไรก็ต้องขอเวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงานเพื่อสืบหาข้อมูลระบุตัวคนร้ายก่อนตามล่าตัวมาดำเนินคดี