เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 8 กันยายน ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป.พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน บก.ป.ร่วมกันสอบปากคำ น.ส.จริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือภรณ์ หรือน้ำมน อายุ 32 ปี ชาว จ.เลย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 190/2559 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2559 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ภายหลังหลอกลวงชายหนุ่มผู้เสียหายที่รู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊ก ก่อนจะพูดคุยตีสนิทในเชิงชู้สาว จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ก่อนจะชักชวนลงทุนธุรกิจขายผลไม้ รวมทั้งอ้างว่ากำลังตั้งครรภ์ และขอให้ฝ่ายชายจัดงานแต่งงาน แต่ภายหลังกลับเชิดเงินสินสอดจากผู้เสียหาย แล้วหลบหนีไปรายละหลายแสนบาท จนผู้เสียหายต้องตกเป็นหนี้ ได้รับความเดือดร้อน รวมกว่า 13 ราย ต่อมาเมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา ทางชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.สามารถติดตามจับกุมตัว น.ส.จริยาภรณ์ ได้ที่ถนนตลาดเก้าแสน แยกกระทุ่มแบน ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร หลังจากอาศัยอยู่กับ นายกิตติศักดิ์ ตันติวัฒน์กุล อายุ 33 ปี สามีคนปัจจุบัน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 529/2560 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2560 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และยังมีหมายจับติดตัวอยู่อีก 4 หมาย ทั้งคดีร่วมกันฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ พร้อมของกลาง แอร์ 1 เครื่อง โดยในส่วนของนายกิตติศักดิ์ จับกุมได้ที่โรงแรมไลค์อินน์ ถนนพุทธมณฑล สาย 4 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม โดยอายัดรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน สีขาว ทะเบียน 4 กจ 4319 กรุงเทพมหานคร และรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน 1 ฒถ 1219 ระยอง ไว้ตรวจสอบ ก่อนควบคุมตัวทั้งสองมาสอบสวนดำเนินคดีที่ บก.ป. ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทาง พล.ต.ท.ฐิติราช พล.ต.ต.สุทิน พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน ได้ใช้เวลาในการสอบปากคำ น.ส.จริยาภรณ์ เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นจึงมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่มาเฝ้ารอติดตามทำข่าวเป็นจำนวนมาก พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า สาเหตุที่ตนต้องลงมากำกับคดีดังกล่าวด้วยตนเองเนื่องจาก มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากและกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ อาทิภาคตะวันออก เบื้องต้นจากการตรวจสอบมีผู้เสียหายจำนวน 11 ราย และคาดว่าจะมีเพิ่มอีก อีกทั้งยังเป็นคดีที่ประชาชนในความสนใจ และอยากให้เกิดความเข็ดหลาบ คดีดังกล่าวมีข้อมูลข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กองปราบปราม ที่จะต้องสร้างความชัดเจน ขณะนี้มีมูลค่าความเสียหายจากการหลอกลวงกว่า 3 ล้านบาท ผบช.ก.กล่าวต่อว่า คดีดังกล่าวเข้าข่ายเป็นคดีสารพัดโกงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นจะพิจารณาแจ้งข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ซึ่งนำไปสู่มูลฐานความผิดเพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์ได้ สำหรับพ่อแม่ของน.ส.จริยาภรณ์ ที่หลบหนีอยู่ในขณะนี้นั้น ก็ต้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าพ่อแม่มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ หรือ น.ส.จริยาภรณ์ ไม่หลอกลวงพ่อแม่ ว่าอย่างไร กรณี น.ส.สร้อยเพ็ชร พาลีวัลย์ อายุ 27 ปี ชาว จ.เลย ที่ถูก น.ส.จริยาภรณ์ นำบัตรประชาชนไม่เป็นบัญชีธนาคารในการหลอกลวงนั้น น.ส.สร้อยเพ็ชร ถือว่าไม่มีความผิดเพราะเป็นการเปิดบัญชีม้า ซึ่ง น.ส.สร้อยเพ็ชร ไม่มีส่วนรู้เห็น ขณะที่ น.ส.จริยาภรณ์ เปิดเผยว่า ที่บอกว่าตนหลวงลวงผู้ชายมากมาย ประเด็นคือว่าตนประกอบอาชีพเกี่ยวกับการค้าขายผลไม้ จริง มีการคบหากับแต่ละคน โดยคนที่แต่งงานด้วยนั้นก็มีการไปมาหาสู่กันและพูดคุยกัน แต่ละคนมีระยะเวลาที่พูดคุยกันอยู่ ไม่ได้มีเจตนาที่จะล่อลวง หรือมีเจตนาที่จะหลอกลวงใครให้มาแต่งงาน ทั้งนี้ คนที่ตนได้แต่งงานด้วยมีเพียงแค่ 7 คนเท่านั้น ที่เหลือเป็นเรื่องของการฉ้อโกงมากกว่า เพราะทุกคนยินยอมจะให้เงินกับตน เพื่อทำธุรกิจค้าขายผลไม้ร่วมกัน ด้าน นายไพรัตน์ พึ่งสุข อายุ 28 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน 1ฒถ 1219 ซึ่งเป็นของกลางที่สามารถยึดได้ขณะจับกุม น.ส.จริยาภรณ์ ในส่วนของรถตนได้แจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองระยอง นอกจากโดนขโมยรถแล้วตนยังโดนหลอกให้จ่ายเงินสดจำนวน 180,000 บาท สำหรับการกระทำดังกล่าวของ น.ส.จริยาภรณ์ ตนเสียความรู้สึกมาที่มาหลอกให้แต่งงาน แต่ยังทำให้เป็นหนี้สินทำทีมาพูดจาดีว่าให้ไปทำธุรกิจด้วยจะสร้างอนาคตด้วยกัน ตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับ น.ส.จริยาภรณ์ ให้ถึงที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากแถลงข่าวทางชุดจับกุมได้ควบคุมตัว น.ส.จริยาภรณ์ ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี รับไว้ดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม สำหรับ น.ส.จริยาภรณ์ ยังมีหมายจับติดตัวอยู่อีก 4 หมาย ประกอบด้วย หมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 190/2559 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2559 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง, ศาลจังหวัดชุมพร ที่ จ.144/2559 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2559 ข้อหาฉ้อโกง, ศาลจังหวัดระยอง ที่ 417/2560 ลงวันที่ 5 กันยายน 2560 ข้อหายักยอกทรัพย์ และศาลจังหวัดเลย หลังจากหนีประกันในชั้นศาลในคดีฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสารราชการ ขณะที่ นายกิตติศักดิ์ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี รับไว้ดำเนินคดีต่อไป