น้อมนำศาสตร์พระราชารากฐานองค์ความรู้ นวัตกรรมการเพาะเลี้ยงอาหารสัตว์น้ำบริการชุมชน (จบ) ไรน้ำนางฟ้าที่พบในประเทศไทยมี 3 ชนิด ได้แก่ ไรน้ำนางฟ้าสิรินธร(StreptocephalussirindhornaeSanoamuang, Murugan, Weekers& Dumont, 2000) ไรน้ำนางฟ้าไทย (BranchinellathailandensisSanoamuang, Saengphan&Murugan, 2002) และไรน้ำนางฟ้าสยาม (StreptocephalussiamensisSanoamuang&Saengphan, 2006) ซึ่งทุกชนิดจะอาศัยอยู่ในบ่อที่มีน้ำขังชั่วคราว เช่น คลองข้างถนนที่มีน้ำไม่ลึกนัก แอ่งตามทุ่งนา หนองน้ำขนาดเล็กที่มีน้ำขังในช่วงฤดูฝนและน้ำแห้งในช่วงฤดูแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่แห้งแล้งในหลายจังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และ ภาคเหนือ ไรน้ำนางฟ้ามีกรดอะมิโนที่จำเป็น (essential amino acid) ครบทั้ง 10 ชนิด โดยมี Lysine ในปริมาณสูงที่สุดทั้งในไรน้ำนางฟ้าไทย และสิรินธรเท่ากับ 32.16 และ 30.42 % ตามลำดับ นอกจากนี้ไรน้ำนางฟ้าไทยและสิรินธรยังมีกรดไขมันที่จำเป็น (essential fatty acid) ทั้ง Linoleic Acid (C18:2n6) หรือโอเมกา-6 และ Linolenic Acid (C18:3n3) หรือโอเมกา-3 อยู่ในระดับสูงนอกจากนี้ยังพบว่าไรน้ำนางฟ้าไทย และสิรินธรมีปริมาณแคโรทีนอยด์รวมสูงถึง 254.41 และ 128.93 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักแห้ง 1 กรัม ตามลำดับ การเลี้ยงไรน้ำนางฟ้าใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงสั้นเพียง 2-4 สัปดาห์ ไรน้ำนางฟ้าจะขนาด 1.5-2.0 ซม. ซึ่งเป็นขนาดที่ตลาดต้องการ การเลี้ยงในบ่อคอนกรีตได้ผลผลิตประมาณ 500 กรัม/ ตร.ม.โดยจำหน่ายกิโลกรัมละ 350-450 บาท ประโยชน์ของไรน้ำนางฟ้าใช้เป็นอาหารของสัตว์น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาสวยงาม จะช่วยให้ปลามีรูปทรงและสีสันสวยงาม การผลิตไข่ไรแดงสยาม (Moinasiam) ไรแดงสยาม (Moinasp.) เป็นไรน้ำ (water flea) ในสกุลเดียวกับไรแดง (Moinamacrocopa)ซึ่งเป็นอาหารธรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและนิยมนำมาอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน ที่วิทยาลัยเกษตรฯสุพรรณบุรีทำเป็นโครงการเพื่อพัฒนาเป็นอาชีพและเพื่อสนับสนุนชุมชนได้ประโยชน์ด้านอาชีพเสริม ไรแดงสยามเป็นสัตว์ชนิดใหม่ที่ค้นพบในปี 2550 มีคุณสมบัติพิเศษแตกต่างจากไรแดงหลายประการ เช่น มีไข่ดกและสามารถควบคุมให้ผลิตไข่ได้อย่างต่อเนื่องด้วยวิธีการไม่ซับซ้อน มีขนาดลำตัวเล็กกว่าไรแดงประมาณครึ่งหนึ่ง มีช่วงชีวิตที่ยาวกว่าไรแดงและไรแดงสยามสามารถเพาะเลี้ยงอย่างต่อเนื่องได้นานกว่าไรแดง ม.ล.ปนัดดาใช้เวลาชื่นชมผลงานนักเรียนนักศึกษาวิทยาลัยเกษตรฯสุพรรณพอสมควรแล้วเดินทางต่อไปโดยในช่วงบ่ายจุดสุดท้ายของวันที่18 กันยายนคือที่วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา เยี่ยมชมนิทรรศการการเรียนการสอนทั้งในส่วนของวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยะยาแล้วก็ของวิทยาลัยต่างๆสังกัดอาชีวศึกษาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเช่นโครงการนวัตกรรมเลี้ยงหอยขมของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศูนย์ศิลปาชีพบางไทรเป็นต้นเพื่อนำองค์ความรู้ถ่ายทอดสู่ชุมชนเพื่อการเลี้ยงหอยขมเป็นอาหารและเป็นอาชีพเสริม ในการไปเยี่ยมวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา นอกจากให้นโยบายแล้วได้บรรยายพิเศษ “ศาสตร์พระราชา” แก่ทั้งนักเรียนนักศึกษา ครูอาจารย์แล้วก็ผู้บริหารได้ฟัง โดยประมวลความได้ว่า ในยุคสมัยแห่งดิจิตัล วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยาได้มีความพยายามสร้างสรรค์จัดการเรียนการสอนในยุคโลกาภิวัตน์โดยเน้นส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดีสีเขียว เน้นย้ำพลังงานสะอาดสร้างเป็นอยุธยาโมเดล แล้วยังได้ส่งเสริมการเรียนการสอนด้านภาษาต่างประเทศมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะภาษาจีน ม.ล.ปนัดดากล่าวว่าทั้งนี้ผู้บริหารเน้นย้ำน้อมนำศาสตร์พระราชามาเป็นแนวทางในการอบรมบ่มนิสัยนักเรียนนักศึกษา รมช.ศธ.กล่าวโดยความว่าศาสตรพระราชาเป็นองค์ความรู้จากแนวพระราชดำริพระบรมราโชวาทอย่างเช่นพระราชดำริหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เมื่อน้อมนำมาเป็นแนวทางแล้วจะนำไปสู่ความสำเร็จแล้วก็ความสุข ทั้งนี้ด้วยเพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงทศพิธราชธรรมอย่างยิ่ง ไม่ทรงถือพระองค์ เวลาเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรหลายครั้งเมื่อมีพระราชปฏิสันฐานกับประชาชนทรงย่อพระองค์ ทรงนั่งราบไปกับพื้นแล้วทรงสนทนากับประชาชน เราคนไทยทุกคนต่างซาบซึ้งที่ทรงมีพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวง คนไทยทุกคนล้วนอยู่ในพระราชหฤทัยของพระองค์ท่านตลอด “คนไทยต่างรู้ว่าในหลวงรัชกาลที่9 ทรงมีพระราชจริยวัตรอ่อนน้อมทรงถ่อมตน เราทุกคนลูกหลานไทยต้องร่วมกันสืบสานขับเคลื่อนตามศาสตร์พระราชาคือความพอเพียง ความกตัญญู ซื่อสัตย์สุจริต ความรับผิดชอบ ไม่ไปใสร้ายป้ายสีคนอื่นโดยไม่เป็นธรรมในโซเชียลแล้ว็ยึดมั่นอุดมการณ์คุณธรรมจริยธรรมตลอด แล้วเมื่อเรารักในหลวงรัชกาลที่9 เราทุกคนก็ต้องรักเทอดทูนสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10 ที่พระราชทานพระราชดำรัสเน้นย้ำให้น้อมนำพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่9ไปสืบสานเดินตามรอยพระยุคลบาท พวกเราต้องนำร่อง เป็นคนดีเพื่อถวายเป็นขวัญกำลังใจพระองค์ท่านถวายเป็นพระรารชกุศล ฝากให้คนสถานศึกษาสร้างสถานศึกษาเป็นโรงเรียนคุณธรรม สร้างสำนึกซึมซับสืบสานความรักความสามัคคี เข้าใจ เข้าถึงพัฒนา น้อมนำสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังในการดำเนินชีวิต” จากนั้นม.ล.ปนัดดาได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าอยากให้เน้นย้ำเรื่องระเบียบวินัย แล้วในการเรียนการสอนเวลานี้ก็ต้องให้ความสำคัญภาษาต่างประเทศ มองให้เห็นถึงความเป็นสากลให้มากที่สุดและจากที่ได้รับข้อมูลการศึกษาสายอาชีวะในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีการพัฒนาหลักสูตรที่ทันสมัยดียิ่งขึ้น “ในการจัดการเรียนการสอนในภาพรวมกระทรวงศึกษาธิการให้นโยบายการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงหรือศาสตร์พระราชามาเป็นเครื่องมือนำทางทำมาตลอด ในช่วงนี้นำมาย้ำทำดีสืบสานพระราชปณิธานถวายเป็นพระราชกุศล ให้ย้ำการปลูกฝังอบรมบ่มนิสัยคุณธรรมจริยธรรม กตัญญูซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาและแต่แท่งอย่างสายอาชีวะเป็นต้น”ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล รมช.ศธ.กล่าวทิ้งท้ายแก่สื่อมวลชน