เมื่อวันที่ 14 พ.ค.64 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เยี่ยมชมการฉีดวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า อาสาสมัคร และกลุ่มอาชีพเสี่ยง โดยมีครูจากโรงเรียนพญาไท ร่วมรับการฉีดวัคซีนด้วย ณ หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว กทม. รมว.ศธ. กล่าวว่า เนื่องจากใกล้ถึงวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เพื่อสร้างความมั่นใจ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ปกครอง นักเรียน และตัวครูเอง ว่า ทำการเรียนการสอนภายใต้ความปลอดภัย โดยจะเริ่มฉีดวัคซีนให้ครูในพื้นที่สีแดงเข้มก่อน จากนั้นจะกระจายครอบคลุมทุกภูมิภาคเป็นลำดับต่อไป ซึ่งคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติกำลังอยู่ระหว่างจัดสรรวัคซีน คาดว่าในก.ค.นี้ ครูและบุคลากรทางการศึกษาจะได้รับการฉีดวัคซีนครบทุกพื้นที่ ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนไม่ได้น่ากลัว เพราะตนฉีดมาแล้ว ไม่ได้มีผลข้างเคียงอะไร สำหรับการเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 มิ.ย.54 ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ไม่ได้หมายความว่าทุกโรงเรียนจะต้องให้ครูและนักเรียนไปโรงเรียนพร้อมกันทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะแต่ละโรงเรียนสามารถเลือกรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่และความพร้อมของสถานศึกษา โดย ศธ.ได้เตรียมการเรียนการสอนไว้ 5 รูปแบบ คือ เรียนที่โรงเรียน โดยมีมาตรการเฝ้าระวังตามประกาศศบค. , เรียนผ่าน DLTV, เรียนผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ, เรียนผ่านอินเทอร์เน็ต , เรียนที่บ้านด้วยเอกสาร เช่น หนังสือ แบบฝึกหัดใบงาน และในรูปแบบผสมผสาน หรืออาจใช้วิธีอื่นๆ ทั้งนี้ ได้กำชับให้ศึกษาธิการจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการโรงเรียน ประเมินว่าในพื้นที่นั้น ๆ สามารถจัดการเรียนการสอนได้ในรูปแบบไหน ครูสามารถออกแบบการจัดการศึกษาให้เหมาะสมโดยอาจผสมผสานทั้ง 5 รูปแบบได้ ที่สำคัญ ไม่ว่าโรงเรียนจะเลือกรูปแบบใดก็ตาม จะต้องได้รับการอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดก่อน