เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 ต.ค. ที่ สน.สำเหร่ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รรท.รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ รอง ผบก.น.8 และ พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี ผกก.สส.บก.น.8 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมคนร้ายรายสำคัญของพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 8 จำนวน 2 คดี คดีแรก พ.ต.อ.ภัสพงษ์ บุตรไทย ผกก.สน.สำเหร่ พร้อม พ.ต.ท.สายชล ปัญจชัย รอง ผกก.สส.สน.สำเหร่ และ พ.ต.ท.โด่งดัง โกกะพันธ์ สว.สส.สน.สำเหร่ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาลักรถ “แก๊งถึงใจถึงอารมณ์” ประกอบด้วย 1.นายสานนท์ ป้อมกล่ำ อายุ 31 ปี 2.นายกิตติศักดิ์ โลหะเวช อายุ 19 ปี 3.นายสุรเชษฐ์ อินสวัสดิ์ อายุ 18 ปี 4.นายธนวัฒน์ ศรีสุวรรณ อายุ 18 ปี 5.นายวัณณรงค์ ศรีสุวรรณ อายุ 22 ปี 6.นายพันธ์ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี 7.นายภู (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี และ 8.นายพล (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ได้พร้อม รถ จยย.ของกลางซึ่งได้จากการโจรกรรม รถ จยย.ที่รอการตรวจสอบ และรถ จยย.ที่ใช้ก่อเหตุ รวม 10 คัน แผ่นป้ายทะเบียนรถ 2 แผ่น หมวกนิรภัย 1 ใบ และ เครื่องมือที่ใช้ในการงัดเบ้ากุญแจ รถ จยย.อีก 1 ชุด พ.ต.อ.ภัสพงษ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และ ตำรวจ จราจร สน.สำเหร่ นำกำลังเข้าไปตรวจสอบบ้านเช่าหลังหนึ่งในซอยเจริญนคร 14/2 สามารถจับกุม นายสานนท์ และ นายกิตติศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 กับผู้ต้องหาที่ 2 เอาไว้ได้พร้อมรถ จยย.จำนวน 3 คัน ซึ่งถูกแจ้งหายเอาไว้ในท้องที่ สน.สำเหร่ สน.ตลาดพลู และ สน.บางขุนเทียน จากการสอบสวนทั้ง 2 ราย ให้การยอมรับว่า ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ได้รับซื้อรถ จยย.ของกลางดังกล่าวจากวัยรุ่นในพื้นที่ 5-6 คน ชื่อแก๊งถึงใจถึงอารมณ์ ที่โจรกรรมมาขายให้ในราคาคันละ 12,000-15,000 บาท แล้วแต่ยี่ห้อและสภาพ จากนั้นจะนำรถไปส่งขายให้นายทุนชายไม่ทราบชื่อ ย่านพระราม 5 บวกกำไรคันละ 2,000-3,000 บาท โดยทราบเพียงว่า นายทุนคนดังกล่าวจะส่งต่อ รถ จยย.ทั้งหมดขึ้นรถทัวร์มุ่งหน้าไป จ.อุบลราชธานี เพื่อส่งออกไปขายต่อยังประเทศลาวได้ราคาคันละอย่างต่ำ 20,000 บาท “จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงทำการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชน ที่เหลือเอาไว้ได้แบบยกแก๊ง อีกจำนวน 6 คน โดยเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ มี นายสุรเชษฐ์ ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นหัวโจก พาสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนออกตระเวนก่อเหตุโจรกรรม รถ จยย.ในพื้นที่หอพัก แมนชั่น และอพาร์ตเม้นท์ย่านฝั่งธนบุรียามค่ำคืน โดยจะเลือกรถที่ไม่ได้ล็อคดิสเบรก จากนั้นใช้อุปกรณ์แทงเบ้ากุญแจเพื่อสตาร์ทขับขี่หลบหนีออกมา เบื้องต้นทั้งหมดยอมรับว่า 3 เดือนที่ผ่านมา ทำสำเร็จมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 คัน ซึ่งชุดจับกุมได้แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนหรือรับของโจร แก่ผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ส่วนนายทุนย่านพระราม 5 ที่รับซื้อรถ จยย.จากแก๊งนี้อีกทอดหนึ่งนั้นหลบหนีไปได้แบบหวุดหวิด ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย” พ.ต.อ.ภัสพงษ์ กล่าว คดีต่อมา พ.ต.ท.พจน์ บำรุงชาติ รอง ผกก.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธนูพล จินตาคม และ พ.ต.ท.เจษฎา ประยูรบุตร สว.สส.สน.ราษฎร์บูรณะ ร่วมกันจับกุม นายสุดยอด หรือยอด เกิดเกษร อายุ 42 ปี ลูกจ้างสำนักงานเทศบาลอำเภอบางกรวย จ.นนทบุรี ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ จ.661/2560 ลงวันที่ 17 ต.ค.60 ข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธและใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือไม่มีเหตุอันควร พร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด 9 มม.ยี่ห้อบาเร็ตต้า 1 กระบอก และ รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฌว-7338 กรุงเทพมหานคร อีก 1 คัน โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่ จ.นนทบุรี พ.ต.ท.ธนูพล กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายสืบสวน สน.ราษฏร์บูรณะ รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์รถยนต์ของผู้เสียหายภายในลานจอดรถห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราษฎร์บูรณะ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบ นายเฉลิม ปั่นกำจร อายุ 39 ปี อาชีพรับจ้าง ผู้เสียหาย เล่าว่า ขับรถยนต์โตโยต้า ของกลาง มาพบ นายสุดยอด เพื่อนที่เคยขอความช่วยเหลือด้วยการยืมเงินมาใช้จ่าย จำนวน 9,000 บาท เพื่อเจรจาเรื่องหนี้สิน แต่ปรากฏว่าตัวเองก็ไม่มีเงินใช้หนี้ จึงถูก นายสุดยอด ใช้อาวุธปืนตบได้รับบาดเจ็บหนำซ้ำ นายสุดยอด ยังขับรถยนต์ของตนเองหลบหนีไป จากนั้นทางพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาธนบุรี ก่อนติดตามไปจับกุมตัว นายสุดยอดเอาไว้ได้ที่บ้านพัก เบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่าโมโหที่เพื่อนไม่ยอมคืนเงินจึงบันดานโทสะลงมือก่อเหตุ