กรมอนามัย ร่วมกับ พอ.สว. จัดงานรณรงค์คนไทยฟันดี สดุดีสมเด็จย่า สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก เพื่อลดการสูญเสียฟันเมื่อเข้าถึงวัยผู้สูงอายุ ซึ่งพบว่าร้อยละ 37 มีฟันใช้ไม่ถึง 20 ซี่ พร้อมมอบรางวัลผู้สูงอายุ 10 ยอดฟันดี วัย 80 ปี และ 90 ปี ระดับประเทศ เนื่องในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ 21 ตุลาคม 2560 ณ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า สำหรับการจัดงานรณรงค์ “คนไทยฟันดี สดุดีสมเด็จย่า สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก” เนื่องในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ พ.ศ.2560 ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระมารดาแห่งวงการทันตแพทย์ไทย และเป็นวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ ปีนี้ กรมอนามัยได้ร่วมกับมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) จัดโครงการรณรงค์คนไทยฟันดี สดุดีสมเด็จย่า สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเทิดพระเกียรติสมเด็จย่า และให้เดือนตุลาคมเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ดูแลสุขภาพช่องปากของคนไทย กระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากตลอดชีวิตตั้งแต่เด็กไปจนสูงอายุ ซึ่งจากผลการสำรวจสภาวะทันตสาธารณสุข ครั้งที่ 7 ในปี 2555 พบว่า ผู้สูงอายุมีการสูญเสียฟันทั้งปากร้อยละ 7.2 ยังคงต้องการใส่ฟันเทียมทั้งปากร้อยละ 2.5 หรือประมาณ 236,000 คน และพบว่าภาคใต้มีการสูญเสียฟันทั้งปากและความต้องการบริการใส่ฟันเทียมทั้งปากสูงสุด ร้อยละ 11.2 และ 8.8 ตามลำดับ ขณะที่ภาคอื่นๆ ความต้องการบริการใส่ฟันเทียมทั้งปากเป็นร้อยละ 2.0 – 4.6 “ที่ผ่านมากรมอนามัยร่วมกับวิชาชีพทันตกรรมและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินโครงการฟันเทียมพระราชทานและการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา เพื่อสนองกระแสพระราชดำรัสของพระองค์ ความว่า “เวลา ไม่มีฟัน กินอะไรก็ไม่อร่อย ทำให้ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย ร่างกายก็ไม่แข็งแรง” ทำให้ปัจจุบันมีผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันทั้งปากทั่วประเทศได้รับบริการใส่ฟันเทียมพระราชทานเพื่อการเคี้ยวอาหารแล้วกว่า 390,000 คน ส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุอย่างชัดเจน ทั้งด้านกายภาพ อารมณ์ สังคม ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่ให้สิทธิ์ประชาชนได้ใส่ฟันเทียม โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะการใส่ฟันเทียมทั้งปากให้กับผู้สูงอายุที่มีต้นทุนประมาณ 6,000 บาทต่อคน โดยในปี 2561 ตั้งเป้าใส่ฟันเทียม 40,000 คน” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว ด้าน ทันตแพทย์หญิงปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กล่าวเสริมว่า ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีการสูญเสียฟันสูงที่สุดถึงร้อยละ 88 เหลือฟันใช้งานไม่ถึง 20 ซี่ ร้อยละ 37 ซึ่งปัญหาสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุที่พบได้บ่อย 7 อันดับ ได้แก่ การสูญเสียฟัน ฟันผุและรากฟันผุ เหงือกอักเสบ ภาวะน้ำลายแห้ง แผลและมะเร็งช่องปาก ฟันสึก และโรคช่องปากที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน โดยกรมอนามัยได้ดำเนินงานแก้ไขปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันของประชาชนทุกกลุ่มวัย ตลอดจนรณรงค์ให้ประชาชนดูแลทำความสะอาดช่องปากและฟันเป็นประจำวัน แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ด้วยสูตร 2 : 2 : 2 คือ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน แปรงฟันให้ทั่วทุกซี่ทุกด้านนาน 2 นาที และไม่รับประทานอาหารหลังแปรงฟันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง “กิจกรรมเนื่องในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติในปีนี้ กรมอนามัย ยังคงจัดการประกวดผู้สูงอายุ 10 ยอดฟันดี วัย 80 ปี และ 90 ปี ระดับประเทศ เพื่อแบบอย่างที่ดีของการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีตั้งแต่เด็ก ส่งผลให้มีฟันบดเคี้ยวจนกระทั่งถึงสูงอายุ โดยปีนี้มีผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศวัย 90 ปี จำนวน 5 ราย ได้แก่ นายก๋อง จันทร์แก้ว จังหวัดเชียงใหม่ นางผิว แก้วประดิษฐ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช นายเริญ หงส์ขำ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายผาย สารธิมา จังหวัดอำนาจเจริญ และนางบุญชู ศรีลาออน จังหวัดกาฬสินธ์ สำหรับรางวัลชนะเลิศวัย 80 ปี มี จำนวน 5 ราย ได้แก่ นายแยง แซ่ลี้ จังหวัดพะเยา นางประเทียบ สุขเกื้อ จังหวัดนครศรีธรรมราช นางมณี จารีมุข จังหวัดระนอง นางอำนวย งามสมมล จังหวัดสระบุรี และนายบรรเทิง บุรานนท์ จังหวัดนครปฐม นอกจากนี้ ได้มอบเกียรติบัตรแก่ผู้แทนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่สนับสนุนการประกวดผู้สูงอายุฟันดี ผู้ประกอบการแปรงสีฟันที่ได้รับการรับรองจากกรมอนามัย ประจำปี 2560 ได้แก่ บริษัทรินทร์โชคชัย จำกัด และหน่วยงานที่สนับสนุนการประกวดผู้สูงอายุ ได้แก่ โครงการบ้านสร้างสรรค์เด็ก สถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ สมาคมทันตาภิบาลแห่งประเทศไทย บริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทคอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมทั้งจัดแสดงนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี นิทรรศการส่งเสริมทันตสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่มวัยและกิจกรรมแปรงสีฟันเก่าแลกแปรงสีฟันใหม่” ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กล่าว