พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคตผ่านครบ ๑ ปี หนังสือพิมพ์สยารัฐรายวัน จัดทำหนังสือพิมพ์รายวันฉบับพิเศษ จำนวน ๑๒ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๘-๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๐ เพื่อร่วมแสดงความอาลัย ตอนที่ ๔ วันมหาวิปโยค พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงงานหนักและตรากตรำพระวรกายปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เพื่อประโยชน์สุขแก่ราษฎรผ่านโครงการพระราชดำริต่างๆ มากมาย 4,000 กว่าโครงการของพระองค์ นับแต่เสด็จครองราชย์เป็นเวลา 70 ปี ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระราชทานแก่คนไทยทั้งประเทศ เมื่อเสด็จสวรรคต เสียงร่ำไห้จึงดังระงมทั้งแผ่นดิน "สยามรัฐ" ร่วมบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ยังความเศร้าโศกโทมนัสของพสกนิกรชาวไทย เรียบเรียงเป็นข้อมูลตามลำดับเหตุการณ์ดังนี้... ๐ พร้อมใจใส่เสื้อชมพู-เหลือง สวดมนต์ขอพรให้ทรงหายประชวร เช้ามืดวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่โรงพยาบาลศิริราชบริเวณหน้าพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกและพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้มีพสกนิกรชาวไทยเป็นจำนวนมากพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีชมพูและสีเหลือง เดินทางมาร่วมสวดมนต์ เพื่อตั้งจิตอธิษฐานถวายพระพร แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงความจงรักภักดี และขอพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว เช่นเดียวกับประชาชนชาวไทยทั่วทั้งแผ่นดิน ในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ ต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีชมพู และสีเหลืองร่วมทำบุญตักบาตรและสวดมนต์ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว ส่วนที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง สำนักพระราชวังได้เปิดให้คณะบุคคลและประชาชนลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. โดยมีประชาชนทุกหมู่เหล่า เดินทางนำแจกันดอกไม้ พานพุ่มดอกไม้ และสิ่งของต่างๆ มาทูลเกล้าฯถวายหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว กระทั่งเวลา 14.20 น. ทางเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้ประกาศให้ประชาชนออกจากศาลาสหทัยฯ และปิดประตู ๐ โศกสลด สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ ในหลวง ร.9 สวรรคต เวลา 18.47 น. สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ประกาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราชบรมนาถบพิตร สวรรคต โดยใจความว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พุทธศักราช 2557 ตามที่สำนักพระราชวังได้แถลงให้ทราบเป็นระยะแล้วนั้น แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ ถึงวันพฤหัสบดี ที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา15 นาฬิกา 52 นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี ๐ ประชาชนรอฟังข่าวที่ศิริราช ต่างร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ บรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราชบริเวณหน้าพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ภายหลังสำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต ทำให้พสกนิกรชาวไทยที่เฝ้ารอถวายพระพรอยู่ ต่างพากันร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด โดยทุกคนนั่งพนมมือพร้อมเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้องไปทั่ว รพ.ศิริราช และเฝ้ารอฟังการแถลงข่าวของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทั้งน้ำตานองหน้า โดยบางคนถึงกับหมดเรี่ยวแรง นั่งพับเพียบพนมมือสวดมนต์ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ด้วยความอาลัย ๐ นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ขอประชาชนร่วมส่งเสด็จ รักษาแผ่นดินของพ่อ ด้วยความสามัคคี เวลา 19.05 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า เมื่อสำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตแล้วในวันนี้ ณ โรงพยาบาลศิริราช ถือว่าเป็นการสูญเสียและความวิปโยคยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ นับแต่การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2489 ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระประชวร และได้เสด็จฯ ไปประทับที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นระยะ เมื่อพระอาการบรรเทาลงก็จะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ตามปกติด้วยพระวิริยอุตสาหะ เพื่อความผาสุกของพสกนิกร ตลอดเวลาที่ผ่านมา คณะแพทย์ ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิด พระอาการดีขึ้นเป็นลำดับ ยังความปลาบปลื้มแก่ประชาชนคนไทยทั้งชาติ แต่ในที่สุด พระอาการประชวรหาคลายไม่ ประกอบกับพระชนมพรรษามาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต พระชนมพรรษาปีที่89 เสด็จดำรงสิริราชสมบัติ 70 ปี วันที่ 13 ตุลาคม จะเป็นวันที่อยู่ในความทรงจำของประชาชนชาวไทยตลอดไปนานแสนนาน ดุจวัน "ปิยมหาราช" 23 ตุลาคม รัฐบาลขอเชิญชวนให้เราทุกคนร่วมกันตั้งจิตตภาวนาตามศาสนา ที่ทุกท่านนับถือดังที่เราเคยร่วมกันภาวนาถวายพระพร และอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ทุกท่านเคารพนับถือให้อภิบาลคุ้มครอง ตลอดเวลาที่ทรงพระประชวร เพื่ออธิษฐานภาวนา ขอให้ดวงพระวิญญาณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ สถิตในสรวงสวรรค์ และทรงอภิบาลคุ้มครองราชอาณาจักรไทย ประชาชนชาวไทยผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์ ให้มีความสงบสุขและความสันติสุข ดุจดังที่ ประเทศไทยและประชาชนชาวไทยมีมาโดยตลอด ภายใต้ร่มพระบารมียาวนาน70 ปี ขอพี่น้องประชาชนทุกคน ร่วมส่งเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศด้วยการรักษาแผ่นดินของพ่อด้วยความรักและความสามัคคีตลอดไป พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งหลาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตแล้ว ขอสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลใหม่ทรงพระเจริญ ๐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขอเวลาทำพระทัย ร่วมแสดงความเสียใจกับคนไทยทั้งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ แถลงภายหลังการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ สนช. ว่า ในนามของนายกรัฐมนตรี ครม. และ คสช. ขอแสดงความเสียใจกับประชาชนทั้งประเทศไปด้วยกัน เราอยู่ในวาระที่สำคัญที่สุดฉะนั้นเราต้องทำทุกอย่างให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตนได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ได้ทรงรับสั่งไว้ว่า ท่านทรงรับพระราชทานเป็นองค์รัชทายาทอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่ท่านจะทรงขอเวลาแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนทั้งประเทศไปก่อนในระยะเวลานี้ ส่วนกระบวนการทางกฎหมายในการอัญเชิญสืบพระราชสมบัตินั้น ให้รอเวลาที่เหมาะสมคือ หลังจากที่พระองค์ทรงทำพระทัยแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชน และทรงนึกถึงพระราชบิดา ทั้งนี้ เมื่อทรงร่วมแสดงความเสียใจ และระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 กับประชาชนผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อถึงเวลาเหมาะสม โดยทรงยืนยันว่า ทรงตระหนักในหน้าที่องค์รัชทายาท ในส่วนพระราชภารกิจต่างๆ จะทรงปฏิบัติต่อไปในฐานะสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ๐ พระบรมวงศานุวงศ์ ร่วมอัญเชิญพระบรมศพ วันที่ 14 ต.ค.59 เวลา 15.56 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯพร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต มาถึงอาคารเฉลิมพระเกียรติชั้น 16 โรงพยาบาลศิริราช จากนั้นเวลา 16.33 น. สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เดินนำขบวนอัญเชิญพระบรมศพลงจากอาคารเฉลิมพระเกียรติชั้น16คณะแพทย์และพยาบาลที่ถวายการรักษาพยาบาลเลื่อนเตียงพยาบาลเชิญพระบรมศพเข้าสู่ลิฟต์ โดยมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จพระราชดำเนินตามพระบรมศพ พร้อมด้วย คุณพลอยไพลินคุณสิริกิติยา เจนเซ่น และท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม เมื่ออัญเชิญพระบรมศพถึงชั้นล่างของอาคารเฉลิมพระเกียรติแล้ว ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ อัญเชิญพระบรมศพเข้าสู่รถตู้พยาบาลสีบรอนซ์เงินคาดเส้นสีฟ้า เลขทะเบียน 1ด-0929 ที่เทียบรออยู่หน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ นายแพทย์และพยาบาลที่ถวายการรักษาตามเสด็จในรถพยาบาล ขณะขบวนรถอัญเชิญพระบรมศพเคลื่อนผ่านอย่างช้าๆ บรรยากาศสองข้างทางเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ประชาชนต่างยกมือไหว้ แล้วก้มกราบสักการะพระบรมศพอย่างนอบน้อม พร้อมเสียงร่ำไห้ดังไปทั่วบริเวณโรงพยาบาล ๐ เคลื่อนขบวนพระบรมศพ จาก รพ.ศิริราช บรรยากาศบริเวณศาลาสหทัยสมาคมพระบรมมหาราชวังฝั่งประตูเทวาภิรมย์ ถนนมหาราช มีประชาชนจำนวนมากนั่งรอส่งเสด็จพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นครั้งสุดท้ายตั้งแต่ช่วงสายโดยพร้อมใจกันสวมใส่ชุดสีดำพร้อมถือพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งถึงแม้ว่าตรงจุดนี้จะไม่สามารถมองเห็นขบวนเสด็จพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่ประชาชนก็ไม่ย่อท้อยังคงนั่งรออยู่ติดหน้าประตูเทวาภิรมย์กันเป็นจำนวนมาก โดยขบวนพระบรมศพเคลื่อนออกจากโรงพยาบาลศิริราช เข้าสู่ถนนอรุณอมรินทร์ ขึ้นสะพานอรุณอมรินทร์ ลงสะพานผ่านแยกอรุณอมรินทร์เลี้ยวขวาขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ลงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าเลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนินใน ผ่านท้องสนามหลวง และเลี้ยวขวาเข้าถนนหน้าพระลาน เลี้ยวเข้าประตูวิเศษไชยศรี เข้าสู่พระบรมมหาราชวัง ประชาชนต่างพร้อมใจกันสงบนิ่งพนมมือตั้งจิตอธิษฐานส่งเสด็จอย่างพร้อมเพรียง ๐ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงประทับรถตู้เสด็จพระราชดำเนินตาม ขบวนพระบรมศพ ต่อมาเวลา 16.56 น. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงประทับรถตู้สีครีมทองเลขทะเบียน 1 ด-0968 เสด็จพระราชดำเนินตามขบวนพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยทรงโบกพระหัตถ์ให้แก่ประชาชนที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ ยังความปลาบปลื้มแก่พสกนิกรเป็นล้นพ้นโดยเปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ"กึกก้องไปทั่วบริเวณบางคนถึงกับร่ำไห้ด้วยความตื้นตันที่เห็นพระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ๐ เชิญพระบรมศพเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง เวลา 17.00 น. ขบวนรถเชิญพระบรมศพเคลื่อนเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี มีรถของสมเด็จพระวันรัตนำ ตามด้วยรถเชิญพระบรมศพ และขบวนรถยนต์พระที่นั่งของพระบรมวงศานุวงศ์ รถพยาบาลเชิญพระบรมศพเทียบด้านในประตูพรหมโสภา ตรงกับบันไดพระที่นั่งพิมานรัตยาทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์เชิญพระบรมศพโดยเปลพยาบาลขึ้นสู่ พระที่นั่งพิมานรัตยา พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินตามพระบรมศพ เมื่อเชิญพระบรมศพเข้าในพระที่นั่งพิมานรัตยา ถึงที่พระแท่นสรงพระบรมศพ นายแพทย์และพยาบาลเชิญพระบรมศพขึ้นบรรทมที่พระแท่นซึ่งปูลาดด้วยพระยี่ภู่ เพื่อเตรียมการสรงน้ำพระบรมศพ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นทางบันไดพระที่นั่งพิมานรัตยา เสด็จเข้าในพระฉากซึ่งพระบรมศพบรรทมอยู่บนพระแท่นทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระบรมศพ บูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยกราบถวายบังคมพระบรมศพทรงรับหม้อน้ำพระสุคนธ์ โถน้ำขมิ้น และโถน้ำอบไทยจากเจ้าพนักงานสนมพลเรือนถวายสรงที่พระอุระพระบรมศพ ทรงหวีพระเจ้าขึ้นครั้งหนึ่ง หวีลงอีกครั้งหนึ่งแล้วหวีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วหักพระสางนั้นวางไว้ในพาน ซึ่งเจ้าพนักงานเชิญอยู่ เสด็จออกไปประทับพระราชอาสน์ที่นอกพระฉาก เลขาธิการพระราชวังกราบบังคมทูลเสด็จเข้าไปทรงวางซองพระศรี บรรจุดอกบัวและธูปเทียน ทรงรับแผ่นทองคำจำหลักลายปิดพระพักตร์ทรงรับพระชฎาห้ายอดวางข้างพระเศียร ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 10 นาย เชิญหีบพระบรมศพ มีตำรวจหลวงนำ 4 นาย ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ตามพระบรมศพ ทรงยืนที่หน้าพระราชอาสน์ เสด็จฯ ไปทรงวางพวงมาลาที่หน้าพระโกศพระบรมศพทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยและเครื่องราชสักการะกราบถวายบังคม จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระมหาเศวตฉัตรเสด็จฯ ไปทรงทอดผ้าไตร 10 ไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา พร้อมถวายพระพรลาออกจากพระที่นั่ง เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์เที่ยวละ 10 รูป ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ เสด็จฯไปทรงทอดผ้าไตรจนครบ 100 รูป เสด็จฯ ไปหน้าพระโกศพระบรมศพ หลังเสร็จสิ้นพิธีเสด็จลงบันไดมุขกระสัน ด้านทิศเหนือพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเสด็จฯ กลับพระราชวัง ๐ พสกนิกรหลั่งไหล ถวายน้ำสรงพระบรมศพ พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าทยอยเดินทางหลั่งไหล จากทั่วทุกสารทิศเพื่อจับจองพื้นที่ตลอดเส้นทาง ที่ได้มีการเคลื่อนพระบรมศพ "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร" จากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระบรมมหาราชวัง ส่วนที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 08.30 น.มีการเปิดให้คณะรัฐบาล คณะบุคคล เจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนประชาชนได้เข้ามาประกอบพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าด้วยความอาลัย รวมถึงรอบสนามหลวงและถนนราชดำเนินใน ยังคงมีพสกนิกรปักหลักรอเพื่อร่วมพิธีอัญเชิญพระบรมศพอย่างเนืองแน่น
เกินคำเอ่ยออกได้ ด้วยหัวใจแตกสลาย กลืนทุกข์เก็บในกาย เทิดไท้ด้วย 'ทำความดี'
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า หนังสือพิมพ์สยามรัฐ (นายทองแถม นาถจำนง - ร้อยกรอง) ตอนที่ ๕ พสกนิกร อาลัยทั่วแผ่นดิน ติดตามวันพรุ่งนี้... Download:: สยามรัฐรายวันฉบับพิเศษ ตอนที่ ๔ วันมหาวิปโยค