“ร.10” ทรงมีรับสั่งดูแลพสกนิกรร่วมพระราชพิธีฯทั่วไทย – ช่วยอุทกภัยให้ดีที่สุด ยึดเป็นสิ่งสำคัญ มีประสิทธิภาพ เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เปิดเผยในที่ประชุมร่วมว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงมีรับสั่ง ในช่วงเวลาอันสำคัญซึ่งอากาศค่อนข้างเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะอากาศร้อน หรือฝนตก โดยเฉพาะในขณะนี้ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ซึ่งปริมาณน้ำแทบจะแตกต่างจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ เมื่อปี 2554 ไม่มากนัก แต่รัฐบาลพยายามบริหารจัดการน้ำ โดยระบายน้ำตามที่ไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง แต่แน่นอนอาจมีผลกระทบบ้าง เนื่องจากปริมาณน้ำที่มาก แต่จำกัดเขตให้อยู่ภายในพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ แล้วดูแลประชาชนในส่วนนี้เป็นกรณีพิเศษ ตามหลักเกณฑ์ หลักการที่กำหนด นอกจากนี้ยังบริหารพื้นที่ที่เป็นแก้มลิง เพื่อเปิดพื้นที่รับน้ำให้มาก รองรับน้ำในช่วงภัยแล้ง และเป็นพื้นที่รับปริมาณน้ำที่มีจำนวนมาก ในช่วงนี้อาจมีความเดือดร้อนเกิดขึ้น แต่รัฐบาลก็พยายามดูแลอย่างเต็มที่ พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีรับสั่งสำหรับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีประชาชนเดินทางมาร่วมทั้งในกรุงเทพฯ และตามพระเมรุมาศจำลองในต่างจังหวัด โดยเฉพาะในพระราชพิธีฯ ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ที่คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาร่วมไม่ต่ำกว่า 250,000 กว่าคน ขอให้รัฐบาลแจ้งเจ้าหน้าที่ราชการทุกภาคส่วน ดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนให้ดีและมากที่สุด โดยเฉพาะการเดินทางเข้ามาของประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ทำให้เดินทางลำบาก ก็ขอให้ช่วยเหลือเยียวยา จัดรถรับส่งประชาชนให้เดินทางมาร่วมพระราชพิธีฯ รวมถึงพระเมรุมาศจำลองทั่วประเทศได้ “ต้องทำ2ภารกิจนี้ ให้มีประสิทธิภาพ ให้มีความสำคัญ เพราะต้องการให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด ช่วยเหลือดูแลประชาชนให้ได้มากที่สุด ระเบียบหลักเกณฑ์ต่างๆที่มีความยืดหยุ่น จะต้องให้มีความยืดหยุ่นให้ได้มากที่สุด เห็นได้จากการซักซ้อมกระบวนพระราชพิธีตั้งเมื่อวันที่ 15ต.ค.ถึงวันที่21ต.ค.ที่ผ่านมา จะเห็นว่า กระบวนพระราชพิธีเคลื่อนที่ในจังหวะที่ค่อนข้างช้า เพราะฉะนั้นระยะทาง 100-200 เมตร จะใช้เวลาพอสมควร จึงสามารถให้ประชาชนลุกขึ้นยืนได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งตลอดเวลา สามารถผ่อนคลายอิริยาบถได้ก่อน แต่เมื่อริ้วขบวนใกล้ถึงก็แจ้งเตือนประชาชนให้อยู่ในกิริยาสำรวม และปฏิบัติตามคำแนะนำ ก็จะทำให้ประชาชนผ่อนคลาย ไม่เครียด” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว