คอลัมน์ ยุทธจักรยานยนต์ : อภิชัย ไกรนุกูล ถึงแม้ว่าตลาดรถกระบะในเมืองไทยจะเป็นเบอร์ 1 ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง แต่การนำไปบรรทุกอย่างจริงจังนั้นมีน้อย เห็นได้จากส่วนแบ่งการตลาดของกระบะตอนเดียวมีตัวเลขน้อยกว่าพวกตอนครึ่งเยอะ ความนิยมในการใช้งานรถกระบะเมืองไทยจึงเป็นการทดแทนรถเก๋งมากกว่า ทำให้การใช้งานแบบรถยนต์นั่งจึงมีมากกว่าการบรรทุก ดังนั้นเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาในรถกระบะยุคใหม่จึงไม่น้อยหน้ารถเก๋ง พร้อมๆ กับราคาที่พุ่งทะยานไปติดหลักล้านแล้ว เมื่อราคารถกระบะแพงขึ้นบรรดาคนหาเช้ากินค่ำจึงหันมาหารถบรรทุกราคาถูกแทน โดยจะมีรถบรรทุกขนาดเล็กจากจีนเริ่มตีตลาด แต่ถ้าอยากได้ความมั่นใจรถบรรทุกขนาดเล็กจากค่ายซูซูกิก็มีแครี่ทำตลาดมานาน ทั้งหมดนั้นจะใช้เครื่องยนต์เบนซินเป็นหลัก ทาทา ซูเปอร์เอจมินท์ย่อส่วนมาจากรถบรรทุก กระบะบรรทุกยาว เมื่อเห็นถึงความต้องการของลูกค้าที่อยากได้รถใหม่มาใช้งานเพื่อการบรรทุก ทางทาทาจึงจัดรถบรรทุกคันเล็กมาเจาะตลาดในราคาไม่ถึง 3 แสนบาท เพื่อเอาใจคนหาเช้ากินค่ำ จะได้ไม่ต้องมีภาระในการผ่อนรถมากเกินไป แม้ว่าตัวถังของรถทาทา ซูเปอร์เอจมินท์ จะไม่ต่างจากคู่แข่งในตลาดมากนัก แต่เรื่องการบรรทุก ซูเปอร์เอจมินท์ จะทำได้ดีกว่า เมื่อเลือกตัวรถที่มีหน้าตัดตรงแบบรถบรรทุกใหญ่จึงไม่มีด้านหน้ายื่นยาวออกมา ทำให้เหลือพื้นที่ให้กับกระบะหลังได้มากขึ้น พอดูพื้นที่การบรรทุกจะพบว่า พื้นกระบะของรถรุ่นนี้มีเกินตัว ด้วยกระบะพื้นเรียบสามารถเปิดด้านข้างออกมาได้ทั้ง 3 ด้านแบบรถบรรทุก ทำให้บรรทุกสัมภาระได้เต็มที่ โดยไม่ติดซุ้มล้อแบบรถกระบะ พื้นที่กระบะมีความยาว 2,630 มม. เหนือกว่ารถกระบะแบบแค็บด้วยซ้ำไป มีความกว้าง 1,460 มม. และขอบกระบะสูง 300 มม. เมื่อเปิดฝาได้ทั้ง 3 ด้าน การนำไปดัดแปลงเป็นรถประเภทต่างๆ ก็ทำได้มาก เปิดฝากระบะได้3ด้าน อุปกรณ์มาตรฐานเหมือนรถกระบะ เพื่อพิสูจน์สมรรถนะของซูเปอร์เอจมินท์ ทางค่ายทาทา จึงเลือกเส้นทางธนบุรี – ปากท่อ ลัดเลาะผ่านโค้งต่างๆ มากมาย ผ่านบางตะบูนหาดเจ้าสำราญไปสิ้นสุดที่ชะอำ ก้าวขึ้นไปนั่งในรถจะให้ความรู้สึกเหมือนนั่งในรถกระบะตอนเดียว ด้วยเบาะนั่งที่แยกจากกัน สามารถปรับเบาะได้เล็กน้อยให้เหมาะสมกับสรีระของแต่ละคน จึงไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อเข้าไปนั่งในห้องโดยสารแคบๆ แบบนี้ ด้วยด้านหน้าตัวรถที่ตัดตรง จึงต้องจัดวางพวกแป้นเหยียบต่างๆ เอาไว้ในพื้นที่จำกัด ทำให้แป้นคลัตช์มีพื้นที่เหลือน้อยหน่อย เพราถูกแกนพวงมาลัยไปตั้งขวางเอาไว้ แต่ถึงจะเป็นรถบรรทุก ความสะดวกก็ไม่ขาดหายไป เพราะได้กระจกหน้าต่างปรับเลื่อนขึ้น – ลง ได้ด้วยไฟฟ้า ทำให้ช่วยลดภาระในการหมุนกระจกไปได้เยอะ มองเห็นมาตรวัดได้ชัดเจน เบาะปรับได้ เครื่องยนต์อยู่ใต้เบาะ สิ่งที่แตกต่างไปจากคู่แข่งคือการนำเครื่องยนต์ดีเซลมาวางแทนที่จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งเครื่องยนต์ประเภทนี้จะมีความทนทานมากกว่า ได้ความอึดเมื่อใช้งานอย่างต่อเนื่องนานๆ ซูเปอร์เอจมินท์ จึงมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอลเรล ขนาด 1.4 ลิตร ไดคอร์ ที่ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร4 เพื่อเรียกกำลังออกมาได้เต็มที่ พร้อมอัดอากาศอย่างเทอร์โบชาร์จและอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุดที่เค้นออกมาจากเครื่องยนต์ ทำได้ 70 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400- 2,150 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ช่วงออกตัวเกียร์ 1 จะเห็นถึงการดีดของคลัตช์เมื่อถอนเท้าออกมา ทำให้แผ่นคลัตช์จับกับฟลายวีลได้สนิทส่งผลให้การออกตัวทำได้รวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อมีการบรรทุกเต็มที่ ใส่เกียร์ 2 เข้าไป ก็จะลื่นขึ้นพร้อมกับความเร็วขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ความเร็วที่ใช้ระดับ 100 กม./ชม. สามารถทำได้สบายๆ ไม่ต้องลดเกียร์ด้วยซ้ำเมื่อจะแซง พร้อมกับความสบายของความแข็งที่ปรับมาได้ดี ทำให้ไม่กระด้างแบบรถบรรทุก แต่จะได้ความแข็งพอๆกับรถกระบะมากกว่า ทำให้ไม่เหนื่อยเมื่อต้องเจอกับถนนที่ไม่เรียบ การเข้าโค้งก็ถือว่าสอบผ่าน สำหรับรถบรรทุกคันเล็กๆ แบบนี้ ด้วยตัวถังรถที่ไม่สูงขนาดกะทัดรัดจึงได้ความคล่องตัว ทำให้สามารถเลี้ยวในโค้งได้ดี ส่วนเรื่องความประหยัด เครื่องยนต์ดีเซลแบบนี้ทำได้ดีอยู่แล้ว