พบแล้วเหยื่อเสียชีวิตเรือล่ม 28ราย มีประกันชีวิตไว้ 6 ราย กับ 6 บริษัทประกันฯ เลขาธิการคปภ.เร่งให้ทุกบริษัทจ่ายสินไหมอย่างเร่งด่วน ขณะที่บริษัทไทยพัฒนาประกันภัยออกโรงจ่ายให้ทายามผู้เสียชีวิตรายละ 1 หมื่นบาทเพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาแล้ว แม้กรมธรรม์จะหมดอายุ เจ้าของเรือยังไม่ได้ต่ออายุกรมธรรม์ก็ตาม ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบการทำประกันภัยของผู้ประสบอุบัติเหตุเรือ“สมบัติมงคลชัย”ล่ม เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2559 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 28 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 7 ราย ว่า ล่าสุดสำนักงาน คปภ. ตรวจสอบข้อมูล ณ วันที่ 21 กันยายน 2559 เวลา 12.00 น. พบว่าผู้เสียชีวิต จำนวน 6 รายได้ทำประกันภัยไว้ ดังนี้ นางละมัย กระจ่างแสง ทำกรมธรรม์ประกันชีวิตไว้กับ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท และกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุ จำนวนเงินเอาประกันภัย 150,000 บาท รวมทั้งทำประกันชีวิตไว้กับ บจ. เอไอเอ. จำนวนเงินเอาประกันภัย 110,000 บาท นางสุวิมล บุญรักษ์ ทำกรมธรรม์ประกันชีวิตไว้กับ บมจ. กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำนวนเงินเอาประกันภัย 59,644 บาท และกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุ จำนวน 100,000 บาท นางสาวชนาพา มหาครุฑ ทำกรมธรรม์ประกันชีวิตไว้กับ บมจ. ไทยประกันชีวิต จำนวนเงินเอาประกันภัย จำนวน 120,000 บาท นางสาววาสนา แจ่มคง ทำกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุไว้กับ บมจ. ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท นางมัชรีณ์ รักพงษ์ ทำกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุไว้กับ บมจ.ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท นายจำรัส บุยรักษ์ ทำกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุไว้กับ บมจ.แอลเอ็มจี ประกันภัย จำนวนเงินเอาประกันภัย 600,000 บาท ดังนั้นตนจึงได้สั่งการให้สำนักงาน คปภ.จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและสำนักงาน คปภ.ภาค 8 ลงพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกผู้ประสบภัยในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานด้านการประกันภัยและประสานไปยังบริษัทประกันภัยให้เร่งจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนและค่ารักษาพยาบาลให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยโดยเร็ว นอกจากนี้ บมจ. ไทยพัฒนาประกันภัย ที่รับทำประกันภัยเรือโดยสารลำดังกล่าว แต่กรมธรรม์หมดอายุไปแล้ว ได้ประสานมายังสำนักงาน คปภ. แสดงความจำนงในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย โดยมอบเงินให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตรายละ 10,000 บาท อีกด้วย ซึ่งทางสำนักงาน คปภ. จะได้รีบประสานงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของครอบครัวผู้เสียชีวิตต่อไป เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวจะเห็นได้ว่าผู้ประสบภัยที่มีการทำประกันชีวิตและการประกันภัยอุบัติเหตุจะได้รับความคุ้มครองจากการทำประกันภัย จึงขอฝากเตือนประชาชนให้ความสำคัญในการทำประกันภัยเพื่อบริหารความเสี่ยงภัย เพราะหากเกิดความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ระบบประกันภัยจะช่วยเหลือบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ ในส่วนของผู้ประกอบการเดินเรือโดยสารหรือผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสาธารณะจะต้องทำประกันภัยตามที่กฎหมายกำหนดและหมั่นตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ด้วยเพื่อต่ออายุกรมธรรม์ให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันภัยตลอดเวลา หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th