เรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท จากพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท เรื่องความรับผิดชอบต่อตนเองและบ้านเมือง ดร.สุทิน ลี้ปิยะชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสำคัญกับการปฏิบัติหน้าที่และการประพฤติตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเสมอมา ดังจะเห็นได้จากพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่คณะบุคคลกลุ่มต่างๆ ด้วยพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกร ในวันนี้ กระผมขอนำเรียนทุกท่านเกี่ยวกับพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับการมีคุณธรรม และความรับผิดชอบต่อตนเองและบ้านเมือง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานในโอกาสต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางสู่การน้อมนำไปปฏิบัติเพื่อประโยชน์สุขและความมั่นคงของประเทศ โดยได้รับความสนับสนุนด้านข้อมูลจากมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย ที่ได้สนับสนุนการจัดพิมพ์หนังสือเฉลิมพระเกียรติ “คำพ่อสอน” ครั้งที่ ๓ ดังนี้ครับ พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๓๙ เกี่ยวกับการทำงานให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ความตอนหนึ่งว่า “...ผู้มีปัญญาและความรู้ดี เพราะมีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนมามากกว่าผู้อื่น ย่อมมีหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นพิเศษ ที่จะต้องทำตัว ทำงานให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน. การที่จะกระทำให้ได้ผลประโยชน์ ดังนั้น จำเป็นที่แต่ละคนจะต้องรู้ซึ้งถึงประโยชน์ที่แท้เป็นเบื้องต้นก่อน. ประโยชน์ที่แท้นั้นมีอยู่ ๒ อย่าง คือ ประโยชน์ส่วนตัว ที่ทุกคนมีสิทธิจะแสวงหาและได้รับ แต่ต้องด้วยวิถีทางที่สุจริตและเป็นธรรม กับประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งเป็นประโยชน์ของชาติที่แต่ละคนมีส่วนร่วมอยู่. การทำงานทุกอย่างจะต้องให้ได้ประโยชน์แท้ทั้งส่วนตัวและส่วนรวม ประโยชน์นั้นจึงจะสมบูรณ์และมั่นคงถาวร เป็นผลดีแก่ชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง...” พระราชดำรัสพระราชทานในพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๒๕ เกี่ยวกับคุณธรรมที่ทุกคนควรศึกษาและน้อมนำไปปฏิบัติ ความตอนหนึ่งว่า “...คุณธรรมที่ทุกคนควรจะศึกษาและน้อมนำมาปฏิบัติ มีอยู่สี่ประการ. ประการแรก คือ การรักษาสัจ ความจริงใจต่อตัวเอง ที่จะประพฤติปฏิบัติ แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม. ประการที่สองคือการรู้จักข่มใจตนเอง ฝึกใจตนเองให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัจความดีนั้น. ประการที่สาม คือการอดทน อดกลั้นและอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใด. ประการที่สี่ คือการรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง. คุณธรรมสี่ ประการนี้ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้ว จะช่วยทำให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ความร่มเย็น และมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไปได้ดังประสงค์...” พระราชดำรัสพระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๒๓ เกี่ยวกับผลที่ได้รับจากการทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ความตอนหนึ่งว่า “…การทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมนั้นได้ประโยชน์มากกว่าทำเฉพาะประโยชน์ส่วนตัว และบอกได้ว่า คนไหนทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวแท้ๆ ล้วนๆ เชื่อว่าประโยชน์นั้นจะไม่ได้ เท่ากับรวบรวมของหนักมาวางบนหัว แบกเอาไว้ตลอดเวลา ซึ่งก็ไม่สบาย ก็หนัก ก็เหนื่อย แต่ถ้าผู้ใดทำเพื่อส่วนรวม ยิ่งมากยิ่งดี ยิ่งเบา ยิ่งคล่องแคล่วว่องไว และยิ่งมีความสุข...” พระราชดำรัสพระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ ๒๕๑๙ เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๘ เกี่ยวกับความสำคัญของการร่วมมือร่วมใจในการรักษาชาติประเทศและความผาสุกสงบที่เราได้สร้างสมและรักษาสืบมา ความตอนหนึ่งว่า “…อันแผ่นดินไทยของเรานี้ ถึงจะเป็นที่เกิดที่อาศัยของหลายเชื้อชาติหลายศาสนา แต่เราก็อยู่ร่วมกันโดยปรกติราบรื่นมาได้เป็นเวลาช้านาน เพราะเราต่างสมัครสมานกันอุตส่าห์ช่วยกันสร้างบ้านเมือง สร้างความเจริญ สร้างจิตใจ สร้างแบบแผนที่ดีขึ้น เป็นของเราเอง ซึ่งแม้นานาประเทศก็น่าจะนำไปเป็นแบบฉบับได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเราทั้งหลายมีสามัคคี มีเหตุผลอันหนักแน่น และมีความรู้ความเข้าใจอันถูกต้องชัดเจนในสถานการณ์ที่เป็นจริง ต่างคนต่างร่วมมือ ร่วมความคิดกันในอันที่จะช่วยกันผ่อนคลายปัญหาและสถานการณ์ที่หนักให้เป็นเบา ไม่นำเอาประโยชน์ส่วนน้อยเข้ามาเกี่ยวข้อง ให้เสียหายถึงประโยชน์ส่วนใหญ่ของชาติบ้านเมือง เชื่อว่าเราจะสามารถรักษาชาติประเทศและความผาสุกสงบที่เราได้สร้างสมและรักษาสืบต่อกันมาช้านานนั้นไว้ได้...” พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประกาศนียบัตร และอนุปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๑๒ เกี่ยวกับผู้ที่ทำงานให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมย่อมได้รับประโยชน์ส่วนตนด้วย ความตอนหนึ่งว่า “…ทุกคนมีชาติบ้านเมืองเป็นที่เกิดที่อาศัย ทุกคนจะมีความสุข ความเจริญได้ ก็เพราะบ้านเมืองเป็นปรกติมั่นคง ผู้ที่ทำงานให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมย่อมได้รับประโยชน์เป็นส่วนของตนด้วย ผู้ทำงานโดยเห็นแก่ตัวเบียดเบียนประโยชน์ส่วนรวม ย่อมบั่นทอน ทำลายความมั่นคงของประเทศชาติ และที่สุด ตนเองก็จะเอาตัวไม่รอด ขอให้ทุกคนเตรียมกายเตรียมใจทำงานเพื่ออนาคตของชาติไทยของเราต่อไป...” พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๑๑ เกี่ยวกับการถือประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าประโยชน์ส่วนตัว ความตอนหนึ่งว่า “...ท่านมีหน้าที่อันสำคัญผูกพันอยู่ ที่จะต้องตอบแทนคุณของทุกฝ่ายที่ได้อุปการะช่วยเหลือ การทดแทนคุณนั้น มิใช่สิ่งที่ยากนัก ถ้านท่านประพฤติตนดี มีสัมมาอาชีวะเป็นหลักฐานเป็นที่เชิดชูวงศ์ตระกูล ก็เป็นการได้ทดแทนคุณบิดามารดา ถ้าท่านหมั่นศึกษาค้นคว้าวิชาการให้มีความรู้ความสามารถเหมาะแก่กาลสมัย ก็เป็นการได้ทดแทนคุณครูบาอาจารย์ และในประการสุดท้าย ถ้าท่านตั้งใจทำงานทุกอย่าง โดยถือประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าประโยชน์ส่วนตัวแล้ว ก็เป็นการได้ทดแทนคุณประชาชนคนไทยทุกคน...” ในโอกาสนี้ กระผมขอเชิญชวนให้ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านน้อมนำพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต สู่การพัฒนาตนเองและพัฒนาสังคม ช่วยกันอุ้มชูชาติบ้านเมืองและร่วมกันรักษาประโยชน์ส่วนรวม นำสู่การพัฒนาประเทศไทยให้เจริญและมั่นคงได้ตราบนานเท่านาน