เมื่อวันที่ 24 ก.ย. พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ฝายผ่องพัฒนา อ.ฝาง จ.เชียงใหม่พังเสียหายจากฝนตกหนัก และน้ำป่าไหลหลาก ว่า เบื้องต้นต้องเข้าใจก่อนว่าฝายดังกล่าวไม่ใช่ฝายคอนกรีต แต่เป็นฝายไม้ไผ่ชะลอน้ำ ซึ่งพอเวลาฝนตกหนัก และมีน้ำป่าไหลหลากก็ต้องพัง รับกระแสน้ำไม่อยู่เป็นธรรมดา ทั้งนี้คิดว่าหน่วยงานทหารในพื้นที่จะช่วยไปซ่อมขึ้นมาใหม่ พร้อมทั้งต้องทำให้แข็งแรงขึ้นมากเดิม เพื่อรองรับปริมาณน้ำได้ อย่างไรก็ตามอยากเข้าใจว่าฝายดังกล่าวอยู่ในการรับผิดชอบของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยศูนย์พัฒนาปิโตเลียมภาคเหนือ รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งเป็นความต้องการของประชาชนในพื้นที่ที่ต้องการฝาย 7 แห่ง ซึ่งฝายนี้เพิ่งจะเป็นที่แรก ส่วนงานของสมาคมแม่บ้านสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ทำงานคู่กับสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมมาโดยตลอดได้สมทบงบประมาณบางส่วนเพื่อสร้างฝาย ดังนั้นการดำเนินการดังกล่าวเป็นการร่วมมือกันระหว่างแม่บ้านฯ สำนักงานปลัดฯ โดยศูนย์พัฒนาปิโตเลียมภาคเหนือ และชาวบ้านในพื้นที่ พล.ต.คงชีพ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อวิพากษ์วิจารณ์นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา นายกสมาคมแม่บ้านฯนั้น ต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนว่าเป็นอย่างไร เพราะไปเกี่ยวข้องกับส่วนบุคคล ซึ่งตนคิดว่าเป็นการโจมตีในประเด็นทำไมตั้งชื่อฝายแบบนี้ โดยที่ไม่ได้บอกว่าฝายไม่ดี และภาพที่ออกมาดูเสมือนว่ามีกำลังพลไปดูแลนางผ่องพรรณอย่างดี ซึ่งเรื่องนี้มองเฉพาะเรื่องส่วนบุคคล เพราะฉะนั้นตนไม่อยากให้ไปเหมารวมกัน โดยมองผลประโยชน์ส่วนรวมว่าประชาชนในพื้นที่ได้ประโยชน์จากการสร้างฝาย ถ้าแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนบุคคลออกจากตัวองค์กรทุกอย่างก็จะไปได้ “อย่างไรก็ตามงานพัฒนา และช่วยเหลือประชาชนเป็นหน้าที่ของกองทัพ ส่วนเรื่องบุคคลที่ครหากัน จะเหมาะสมไม่เหมาะสม ผมอยากให้ไปแยกแยะ พิจารณาว่ากันเอาเองว่าถูกต้องหรือไม่ อย่าเอามาผสมกับภารกิจของหน่วย และองค์กร รวมถึงประโยชน์ที่ประชาชนได้รับก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งคนละประเด็นกัน” พล.ต.คงชีพ กล่าว