เพื่อไทย ออกแถลงการณ์ขอรบ.ทบทวนกระบวนการเสียค่าเสียหายโครงการจำนำข้าว พร้อมร้อง “ประยุทธ์” ไม่ใช้ม.44 ขวางขั้นตอนปกติ วันที่ 25 ก.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพรรคเพื่อไทยแถลงการณ์เรื่อง ขอให้ทบทวนกระบวนการเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว และยกเลิกการใช้มาตรา 44 โดยไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ตามที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ดำเนินการเพื่อเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง กับอดีตนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าว และได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 56/2559 ลงวันที่ 13 ก.ย. 2559 ให้อำนาจกรมบังคับคดี ในการใช้มาตรการบังคับทางปกครองด้วยการยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดในโครงการรับจำนำข้าว ขณะเดียวกันกลับคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จากที่เคยออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 39/2558 พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ได้มีความพยายามอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลและหัวหน้าคสช. ที่จะมุ่งเอาผิดกับอดีตนายกรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายกรณีโครงการรับจำนำข้าวให้ได้ โดยไม่สนใจกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมาย โดยเห็นได้ชัดเจนจากคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และรองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ที่พยายามชี้นำสังคมและชี้นำการปฏิบัติหน้าที่ จนถึงขนาดใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ของกฎหมายปกติที่ใช้บังคับทั่วไป เพื่อนำมาใช้กับกรณีนี้เป็นการเฉพาะ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ด้วยเหตุผลดังนี้ 1.โครงการรับจำนำข้าว ได้มีการฟ้องคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งศาลจะเป็นผู้ตัดสินว่าผู้ที่เกี่ยวข้องมีความผิดหรือไม่ หากตัดสินว่ามีความผิดจึงควรจะมาพิจารณาถึงความรับผิดทางแพ่งต่อไป ไม่ควรที่ผู้นำจะออกมาชี้นำสังคมและชี้นำการพิจารณาคดีของศาลรายวันก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา 2. โครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้การอุดหนุนด้านการเกษตร ซึ่งการดำเนินการเรียกค่าเสียหายจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลและจากผู้นำรัฐบาลก่อน 3. การเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว เป็นเรื่องของนโยบายรัฐบาลไม่ใช่การทำละเมิดทั่วไป จึงไม่ควรที่จะต้องเร่งรีบ รวบรัดในการกำหนดค่าเสียหาย และเรียกให้บุคคลเหล่านั้นต้องรับผิดจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีอาญาเสียก่อน 4.การอ้างว่าหากไม่เร่งดำเนินการ คดีอาจขาดอายุความนั้นก็ไม่เป็นความจริง อันเป็นเจตนาทางการเมือง และเป็นการชี้นำกระบวนการยุติธรรมจากอคติของผู้นำที่มาจากการยึดอำนาจ 5.การออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ไม่ว่าฉบับที่ 39/2558 หรือฉบับที่ 56/2559 เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ขัดต่อหลักความเสมอภาค อันถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 6. มาตรา 44 เป็นสิ่งที่มีมาโดยมิชอบด้วยหลักการประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม แต่เป็นสิ่งที่หัวหน้า คสช. เขียนให้อำนาจตนเองไว้ ดังนั้นจึงถือเป็น ผู้มีส่วนได้เสีย เป็นคู่ขัดแย้ง และมิใช่ ผู้เป็นกลาง การที่พยายามจะดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหายกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องในคดีจำนำข้าว ด้วยวิธีการใช้ คำสั่งทางปกครอง โดยไม่เลือกใช้กระบวนการฟ้องร้องเป็นคดีแพ่ง จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบและขัดหลักนิติธรรม พรรคเพื่อไทยจึงเรียกร้องให้หัวหน้า คสช. และรัฐบาลได้ดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมายปกติ ไม่ควรใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 44 มุ่งใช้บังคับเพื่อเร่งเอาผิดกับบุคคลเป็นการเฉพาะ และการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐต้องเป็นไปตามหลักความเป็นธรรม และความรับผิดชอบตามกฎหมาย