เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 27 ก.ค.59 ที่ปั๊มบางจาก ถนนเลียบวารี พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา ผบก.น.3 พ.ต.อ.ดร.พรเทพ สูติปัญญา ผกก.สน.หนองจอก พ.ต.อ.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์ ผกก.สส.บก.น.3 พ.ต.ท.คำแหง กัณฑวงศ์ รอง ผกก.สส.สน.หนองจอก พ.ต.ท.พิทยา สิงห์จานุสงค์ สว.สส.สน.หนองจอก เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หนองจอก กก.สส.บกน.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี จ.ชุมพร ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายอัสลาม หรือราม กำมะหยี่ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/2 หมู่ 1 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรีที่ จ.761/2559 ลง 25 ก.ค.59 และ นายเต้ นามสมมุติ (นายวุฒิพงษ์ หรือเต้ อานาบี) อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/334 หมู่ 10 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง (สาขาจังหวัดมีนบุรี)ที่ 54 /2559 ลง 25 ก.ค.2559 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและร่วมกันพกพาอาวุธมีดติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร โดยสามารถจับกุมตัวทั้ง 2 คนได้ที่หน่วยบริการประชาชนตู้ยามนาโพธิ์ หมู่ที่ 7 ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ก.ค. เวลาประมาณ เวลา 18.30 น. นายวิศรุต โสภะบุญ อายุ 16 ปี เป็นนักเรียนชั้นปีที่ 2 สาขาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกมหานคร ( ผู้ตาย )ได้ขับรถจักรยายนต์ รอเพื่อนอีกสองคนที่จอดรถจักรยานยนต์รอคิวเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันบางจาก ถนนเลียบวารี พบนายราม และนายเต้ ( ทราบช่อภายหลัง) นักศึกษาปี 1 สาขาช่างยนต์ ของสถาบันเทคโนโลยีบางกะปิ กำลังเติมน้ำมันรถจักรยานยนต์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีการมองหน้ากัน จากนั้นนายรามได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ส่วนนายเต้ที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้มือแสดงสัญลักษณ์ เรือใบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียนเทคโนบางกะปิ หลังจากนั้นนายวิศรุต ผู้ตายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามออกจากปั๊มน้ำมัน โดยย้อนศรมุ่งหน้าแยกหน้าเขตหนองจอก ก่อนจะมาจอดบนฟุตบาทห่างจากปั๊มประมาณ 50 เมตร และพบผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนขับขี่รถจักรยายนต์มาจอด และได้มีการชกต่อยกัน ก่อนนายราม และนายเต้ จะใช้อาวุธมีดแทงและฟัน นายวิศรุต ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน คือ นายราม และนายเต้ เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับจากจังหวัดมีนบุรี และจากการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย กำลังโดยสารประจำทางหลบหนีลงสู่ภาคใต้ เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี จ.ชุมพร ให้ช่วยสกัดจนสามารถจับกุมตัวได้ดังกล่าว นายอัสลาม ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นคนฟันผู้ตาย ส่วนนายเต้ เป็นคนแทงและเป็นคนที่ทำสัญลักษณ์ของสถาบัน ซึ่งในวันเกิดเหตุตนเห็นกลุ่มผู้ตายกำลังเติมน้ำมันอีกทั้งยังมีลักษณะคล้ายกับกลุ่มคู่อริที่เคยใช้อาวุธปืนยิงใส่ตนเองเมื่อหลายเดือนก่อน ตนจึงคิดจะเอาคืนซึ่งหลังก่อเหตุตนและนายเต้ ได้ขึ้นรถทัวร์เพื่อที่จะลงไปหลบซ่อนตัวที่จ.สุราษฎร์ธานี แต่มาถูกสกัดจับกุมได้ที่จ.ชุมพรเสียก่อน หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายอัสลาม หรือราม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพโดยจุดแรกอยู่บริเวณหัวจ่ายน้ำมันภายในปั๊มซึ่งเป็นจุดที่ทั้ง 2 ฝ่ายพบกันและเป็นจุดที่นายเต้ แสดงสัญลักษณ์สถาบัน จุดที่ 2 บริเวณหน้าร้านขายของชำริมถนนเลียบวารีห่างจากจุดแรกประมาณ 50 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่ทั้ง 2 ฝ่ายลงมาชกต่อยกัน จุดสุดท้ายบริเวณหน้าร้านขายเสื้อผ้าไม่มีชื่อริมถนนห่างจากจุดที่ 2 ประมาณ 5 เมตรซึ่งเป็นจุดที่นานายวิศรุต ถูกแทงได้รับบาดเจ็บก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งการทำแผนประกอบคำรับสารภาพในครั้งนี้มีประชาชนให้ความสนใจมาสังเกตการณ์เป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.หนองจอก และอาสาสมัคร จำนวนกว่า 100 คนดูแลความเรียบร้อยในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพในครั้งนี้ด้วย โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงแล้วเสร็จก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวนายอัสลาม ไปควบคุมต่อที่สน.หนองจอก ทั้งนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. ยังได้เชิญนางนาตญา กำมะหยี่ อายุ 48 ปี มารดาของนายอัสลาม ผู้ต้องหาและ นายชลอ ไทรงาม หัวหน้างานปกครองวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกมหานคร มาพูดคุยทำความเข้าใจและอ่านเข้าคำสั่งคสช. ที่30/2559 นางนาถตยา กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น และคงไม่มีใครอยากให้เกิด การทะเลาะวิวาทนี้ส่งผลให้พ่อแม่เดือดร้อน หากไม่คิดถึงพ่อแม่ก็ให้คิดถึงอนาคตตัวเอง คนเป็นพ่อแม่ลูกจะทำผิดก็พร้อมจะอยู่เคียงข้าง นายชลอ ไทรงาม หัวหน้างานปกครองวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกมหานคร กล่าวว่า คำสั่ง คสช. ที่30/2559 มีประโยชน์อย่างมากในการควบคุมพฤติกรรมของนักเรียนกลุ่มอาชีวะ โดยในทุกเช้าทางโรงเรียนมีการปลูกฝังหน้าเสาธงตอนเข้าแถวทุกวัน และพยายามให้เลิกเรียนไม่ตรงเวลากับต่างสถาบันเพื่อลดการเผชิญหน้ากัน คำสั่งคสช.ที่30/2559 ข้อที่ 3 นั้นระบุชัดเจนว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องรับโทษตามกฎหมายเช่นกัน