รมว.อุตสาหกรรม ย้ำรัฐบาลพร้อมพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้มีศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ สู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ​นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีแถลงผลความสำเร็จ "โครงการสุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด (SME Provincial Champions)" พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “แนวทางการส่งเสริม SMEs ในการก้าวสู่ Thailand 4.0” โดยกล่าวว่า โครงการสุดยอด SMEs จังหวัด เป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการพัฒนา SMEs ทุกระดับ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยมีต้นทุนที่ลดลง แต่รายได้เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งกล่าวว่า ยุทธศาสตร์ SMEs 4.0 เป็นโครงการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ไทยแลนด์ 4.0 ที่มีการพัฒนาผลผลิตทางการเกษตร ด้วยการเสริมนวัตกรรม การวิจัย และความคิดเชิงสร้างสรรค์ เพื่อ ให้ผู้ประกอบการ SMEs มีความเข้มแข็ง และเป็นกำลังสำคัญ ในการขับเคลื่อน เศรษฐกิจของประเทศ นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ชี้แจงว่า “โครงการ “สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด” (SMEs Provincial Champions) เป็นความริเริ่มของนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นให้ SME ในภูมิภาคทั่วประเทศตื่นตัวที่จะยกระดับการบริหารจัดการให้เป็นสากล และการนำนวัตกรรมมาปรับปรุงสินค้าและบริการให้เป็นที่พึงพอใจของตลาดมากขึ้น เป็นโครงการที่ดำเนินการร่วมกันระหว่าง สสว. กับภาคีภาครัฐและเอกชน ในปี 2559 ได้คัดเลือกผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการรวม 222 กิจการ จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่เพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจ (Start up) กลุ่มที่มีศักยภาพในการตลาด (Rising Star) และกลุ่มที่อยู่ในช่วงฟื้นตัว (Turn Around) ทั้ งหมดได้รับการฝึกอบรมพัฒนาองค์ความรู้ ด้านการวางกลยุทธ์องค์กร แผนฟื้นฟูกิจการ การให้คำปรึกษาแนะนำ ณ สถานประกอบการ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านแบบเชิงลึก และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความสอดคล้องกับตลาด โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ตลอดจนจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยกระทรวงพาณิชย์ ในการตรวจประเมินและวินิจฉัยสถานประกอบการเชิงลึก พบว่ากลุ่ม Start Up ให้ความสำคัญกับการเพิ่มยอดขายมากกว่าการเพิ่มผลิตภาพ เนื่องจากการผลิตยังไม่เต็มกำลังการผลิต ดังนั้นแนวทางในการพัฒนาส่วนใหญ่จึงเป็นการพัฒนา Product ให้ได้มาตรฐาน การพัฒนา Packaging รวมทั้งกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะช่วยเพิ่มยอดขายเป็นหลัก ส่วนในกลุ่ม Rising Star เป็นกลุ่มที่มีความชำนาญในการขายอยู่แล้ว มีความต้องการในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต หรือลดต้นทุนผลิต กลุ่ม Turn Around เป็นกลุ่มที่ประสบปัญหาด้านยอดขาย และด้านการเงิน ดังนั้น การพัฒนาจึงต้องดำเนินการพร้อมกันในหลายด้านทั้งการเพิ่มยอดขาย การเพิ่มผลิตภาพการผลิต และการหาแหล่งเงินทุนเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งทางที่ปรึกษาได้ประสานงานกับธนาคารในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่หลังจากที่ SME ได้เข้าร่วมโครงการแล้วผลการประเมินด้านรายได้และผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นต่อปี ปรากฏว่ากลุ่ม Start Up มีรายได้และผลิตภาพเพิ่มขึ้นสูงสุด ร้อยละ 30.57 ต่อปี รองลงมาเป็น กลุ่ม Rising Star มีรายได้และผลิตภาพเพิ่มขึ้น ร้อยละ 25.04 ต่อปี และกลุ่ม Turn Around สามารถมีรายได้และผลิตภาพเพิ่มขึ้น ร้อยละ 15.61 ต่อปี ทั้งนี้ในภาพรวมของโครงการสามารถเพิ่มรายได้และผลิตภาพ ร้อยละ 21.06 ต่อปี สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาทางด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจ พบว่า ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการมีรายได้รวม 22,047.17 ล้านบาท และเมื่อผ่านกระบวนการพัฒนาภายใต้โครงการสุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด ทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้และผลิตภาพเพิ่มขึ้น 4,642.43 ล้านบาท จากผลสำเร็จของโครงการในปี 2559 สสว. จะดำเนินโครงการ SMEs Provincial Champions ต่อไปในปี 2560 โดยจะเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีนวัตกรรมตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสินค้าได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับที่สูงขึ้น รวมถึงพัฒนาการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ และสร้างโอกาสด้านการตลาดเพื่อส่งเสริม SME ไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล