มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มีการนำประสบการณ์การทำหลักสูตรสำหรับบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม และการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการยาวนานกว่า 10 ปี มายกระดับตัวเองสู่การเป็นองค์กรที่มีสิทธิในการรับรองความสามารถรายบุคคล หรือ Micro-Credentials ที่มีมาตรฐานทัดเทียมหน่วยงานในยุโรปและอเมริกา รวมถึงผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ

ที่ผ่านมาบริษัทที่จะสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ จำเป็นต้องมีผู้บริหารหรือพนักงานในระดับตัดสินใจที่พร้อมที่จะอัปสกิลตัวเองให้มี “สมรรถนะ” และ “ความรู้” ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ซึ่งในต่างประเทศเรียกรูปแบบการพัฒนาคนกลุ่มนี้ว่า Higher Education โดยวิธีการที่นิยมใช้ คือ การสนับสนุนให้พนักงานเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโท เอก หรือหลักสูตรต่าง ๆ ของสถาบันอุดมศึกษาทั้งรัฐและเอกชน

แต่ในยุค Disruption ที่ “สมรรถนะ” หรือ “ความรู้” ที่ได้เล่าเรียนมา “ตกยุค” เพราะความรู้ใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ใบปริญญาบัตรและหลักฐานการเรียนหรืออบรมในหลักสูตรต่างๆ จะเป็น “เอกสารรับรองสมรรถนะในอดีต” ที่อาจไม่เพียงพอสำหรับการพิจารณาในการ “รับเข้าทำงาน” หรือ “ปรับเลื่อนตำแหน่ง” ขององค์กรในวันนี้และอนาคต

ดังนั้น นอกเหนือจากการสร้างหลักสูตรเพื่อพัฒนากำลังคนระดับสูง (Higher Education) แบบครบวงจรแล้ว สถานศึกษาในอนาคตจะต้องมีรูปแบบของ “การรับรองความสามารถรายบุคคล” ที่แสดงถึง “ความสามารถ (Ability)” และ “ศักยภาพ (Potential)” ผ่านผลงานหรือการทำงานจริงที่จำเพาะแต่ละบุคคล ซึ่งสิ่งเหล่านี้กำลังได้เกิดขึ้นมา 2-3 ปีแล้วในประเทศตะวันตกหลายประเทศ และสหรัฐอเมริกา ภายใต้ชื่อ “Micro-Credentials” ที่แต่ละประเทศก็จะมีหน่วยงานที่ทำหน้ารับรองความสามารถรายบุคคล

การสัมมนาวิชาการเรื่อง “Micro-Credentials in Thai Higher Education: Opportunities, Challenges, and Outlook from ASEAN and Europe” ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 20 -21 กรกฎาคม 2565 โดยมี EU-SHARE ซึ่งเป็นองค์กรความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านการศึกษาเรื่อง Higher-Education ของประเทศในกลุ่มยุโรปเป็นผู้สนับสนุนการจัดงาน

รศ.ดร.บัณฑิต ทิพากร รองอธิการบดีอาวุโสฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า Micro-Credentials หรือ MC เป็นรูปแบบของการรับรองความสามารถในรูปแบบออนไลน์ ที่สามารถแสดงถึงทักษะความรู้ ประสบการณ์ หรือผลงานของบุคคลนั้น ได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และชัดเจน โดย มจธ. คือสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกของไทย และลำดับต้นของอาเซียนที่มีการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง

หากการรับรองความสามารถระดับบุคคล หรือ Micro-Credentials  เกิดขึ้นจริงและได้รับการยอมรับ จะเป็นการยกระดับระบบการศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาไปสู่การเป็นสถาบันการศึกษาที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคนโดยไม่มีข้อจำกัดด้านอายุ อาชีพ และที่สำคัญคือ จะเป็นการศึกษาที่สามารถผลิตทั้งบัณฑิตและกำลังคนที่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการในสาขานั้น ๆ กลายเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าในตัวเอง เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพขององค์กร และเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนประเทศในยุค Disruption ได้อย่างมั่นคง

ด้าน ดร.กลางใจ สิทธิถาวร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาการศึกษา มจธ. ในฐานะผู้รับผิดชอบการจัดงานครั้งนี้ กล่าวว่า แม้ว่าสิงคโปร์จะเป็นประเทศแรกของอาเซียนที่ใช้ระบบการศึกษาแบบ Micro-Credentials แต่การที่ มจธ. ได้ทำเรื่องนี้มาต่อเนื่องกว่า 10 ปี และเริ่มทำอย่างจริงจังเมื่อปี 2562 ทำให้ SHARE เลือกให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่นำร่องของภูมิภาคในการทำ Micro-Credentials พร้อมนำเสนอแนวคิด วิธีการจัดการศึกษาและแพลตฟอร์มของ Micro-Credentials ในต่างประเทศ เพื่อให้หน่วยงานด้านการศึกษาในประเทศไทยได้เห็นถึงทิศทางของการศึกษายุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคนทุกช่วงวัย ทิศทางของตลาดแรงงานของโลก

สิ่งที่ มจธ.คาดหวังนอกเหนือจากการนำสิ่งที่ได้จากเวทีไปใช้ในการทำหลักสูตรระดับ Higher Education ให้อยู่ในเกณฑ์การรับรองด้วย Micro-Credentials ของ มจธ. ให้มากขึ้นแล้ว (ปัจจุบันมี 34 MC) ยังเป็นการสื่อสารไปยังองค์กรที่เป็นเครือข่ายของ มจธ.โดยผู้ประกอบการได้เห็นประโยชน์และความจำเป็นของการใช้ Micro-Credentials ในการตัดสินใจด้านบุคลากร และการพัฒนากำลังคนระดับสูงของหน่วยงาน ขณะเดียวกัน ทาง มจธ. ยังต้องการสร้างความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ เพื่อขยายแพลตฟอร์มการรับรองความสามารถรายบุคคลรูปแบบนี้ไปสู่สายอาชีพที่แต่ละมหาวิทยาลัยมีความเชี่ยวชาญ เช่น สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม เป็นต้น