ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ระบุว่า..

"ขันติธรรม ธรรมะจากในหลวงรัชกาลที่ 10"

พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรีล้วนถึงพร้อมด้วยทศพิธราชธรรม แต่ว่าแต่ละพระองค์ ย่อมจะมีจุดเด่นที่ต่างกันไป 

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นต้นแบบในเรื่อง "ความเพียร" ในการทรงงานได้อย่างชัดเจน เสียสละความสุขส่วนพระองค์ตลอดทั้งพระชนม์ชีพเพื่ออาณาราษฎร ที่เราประจักษ์ชัดอยู่แล้ว

ส่วนในหลวงรัชกาลที่ 10 นั้นหากพิจารณาให้ดี ทุกท่านจะเห็นว่า ท่านบำเพ็ญ "ขันติธรรม" มาโดยตลอดตั้งแต่ทรงพระเยาว์ เมื่อคิดว่าท่านต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆ คำนินทาว่าร้าย ปัญหาอุปสรรค มากกว่าคนธรรมดาอย่างเราหลายร้อยเท่า โดยเฉพาะที่ท่านขึ้นครองราชย์ในยุคของโซเชียลมีเดีย ยิ่งทำให้ข่าวเท็จ ข้อกล่าวหาไร้ที่มานั้นแพร่หลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และประเทศไทยก็เป็นประเทศที่มีพฤติกรรมการ cyberbully สูงเป็นอันดับต้นๆของโลก แต่ท่านมิเคยได้ทรงตอบโต้ หรือทรงอวดอ้างใดๆ ยังคงมุ่งทรงงานส่วนพระองค์โดยมั่นคง เพื่อให้ประเทศและสถาบันหลักของชาติธำรงอยู่ได้ และสุดท้ายความจริงและพระราชกรณีกิจก็เป็นที่ประจักษ์ออกมาด้วยตัวเอง และตลอดชีวิตของผม ไม่เคยเห็นพระองค์เรียกร้องสิ่งใดเลย 

คิดดูว่าถ้าเป็นเรา เราจะอดทนได้เท่ากับท่านไหม คนหนึ่งคน จะมีความอดทนได้สักเท่าไหร่กับการถูกกล่าวหาในสิ่งที่ไม่ได้เป็น แต่ท่านมีมากกว่าคนธรรมดาอย่างเรามากนัก อย่างที่น่าจะมีน้อยคนนักที่จะทำได้

หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงเป็นมหาบุรุษที่มีจิตใจเข้มแข็งและมีความอดทนอดกลั้นมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่เคยมีมา 

นี่คือ "ธรรมะจากพระราชา" ที่ทรงแสดงให้พวกเราเห็นและเป็นแบบอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะ "ตาสว่าง" และ "มีจิตเป็นกุศล" ที่สามารถมองเห็นได้บ้างเท่านั้นเอง 

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ