จากกรณีที่นายณัฏฐา สุวรรณ อายุ 34 ปี บิดาเด็กชายแมน(นามสมมุติ) อายุ 7 ขวบ ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับพ.ต.ต.หญิง เสาวลักษณ์ สุวรรณมณี สว.(สอบสวน) สน.คันนายาว ว่า นายอำนาจ สลับทอง อายุ 43 ปี เพื่อนบ้านได้ทำร้ายร่างกายบุตรชายจนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดช่วงบ่ายของวันที่ 4 ต.ค. ภายในบ้านเอื้ออาทรปัญญารามอินทรา ตึก 8 ถ.ปัญญารามอินทรา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. นั้น ที่สน.คันนายาว เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 ต.ค. นายณัฏฐา สุวรรณ อายุ 34 ปี บิดาเด็กชายแมน(นามสมมุติ) อายุ 7 ขวบ พร้อมครอบครัว เดินทางมาพบพ.ต.ต.หญิง เสาวลักษณ์ สุวรรณมณี สว.(สอบสวน) สน.คันนายาว เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม นายณัฏฐา กล่าวว่า ตนรู้ว่าคนนี้เป็นเพื่อนบ้าน แต่ไม่ได้พูดคุยกัน ขณะเกิดเหตุตนนอนอยู่แล้วภรรยาก็มาปลุกบอกว่าลูกโดนกระทืบ ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ จึงได้ไปติดต่อขอดูกล้องวงจรปิดจนทราบว่าใครเป็นคนทำ เด็กเล่นกันอาจจะดูรุนแรงไปบ้างแต่เดี๋ยวเด็กก็ดีกัน โดยลูกชายของตนได้ไปจับแขนลูกชายคู่กรณีจนล้ม ต่อจากนั้นลูกชายคู่กรณีก็ร้องไห้ ลูกชายตนจึงเข้าไปประคองเพื่อปลอบให้หยุดร้อง จากนั้นก็เห็นว่าเหตุการณ์เป็นไปตามภาพวงจรปิด ตนไม่ได้ถามลูกว่าไปทะเลาะอะไรกันและลูกก็ไม่ได้บอกอะไร หลังเกิดเรื่องก็ยังไม่ได้คุยกับคู่กรณี ซึ่งจริงๆ แล้วเขาควรติดต่อผมมาไม่ใช่หายเงียบ อีกทั้งเพิ่งทราบเรื่องว่าคู่กรณีได้มาแจ้งความว่าลูกของผมไปทำร้ายลูกชายเขา เรื่องนี้สามารถไกล่เกลี่ยกันได้แต่ตนมองว่าไม่น่าจะยุติได้ ถ้าผมกระทืบลูกคุณบ้างจะรู้สึกอย่างไร นายณัฏฐา กล่าวต่อว่า ตอนนี้ลูกชายยังมีอาการกลัวบ้างแต่ก็ยังเล่นปกติ เมื่อคืนนี้ลูกตนบ่นว่าปวดตั้งแต่บริเวณตาลงมาที่บริเวณคาง และเช้านี้ลูกชายอาเจียนแต่ยังไม่ได้พาไปพบแพทย์เพิ่มเติม เนื่องจากต้องพามาสอบปากคำก่อน แพทย์ให้รอดูอาการ 2-3 วัน ตนกังวลเรื่องสภาพจิตใจของลูกชาย อยากฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ว่าจะทำอะไรก็ควรตั้งสติคิดให้ดีก่อน ผมรู้ว่าคุณรักลูกคุณ แต่ต้องดูขอบเขต ต้องมีเหตุผล ต้องสอบถามเหตุการณ์ก่อนว่ามีอะไรเกิดขึ้น ไม่ควรใช้อารมณ์ น.ส.จำเนียร หมีทอง อายุ 57 ปี อาชีพค้าขาย ซึ่งเป็นย่าของน้องแมน เล่าว่า วันเกิดเหตุ ตนกำลังค้าขายห่อหมกตามปกติที่อาคาร 8 ก่อนที่จะสังเกตุเห็น น้องแมนวิ่งเข้ามาหา ด้วยท่าทีหวาดกลัวและมีรอยช้ำที่ใบหน้า ตนจึงถามน้องแมนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่น้องแมนไม่พูดอะไร ต่อมาน้องชายสุดท้องของน้องแมน ที่เดินมาด้วยกันได้กล่าวกับตนว่า นายอำนาจ เป็นคนทำร้ายร่างกายน้องแมน ซึ่งก่อนหน้านี้ น้องแมนก็ได้มีการไปเคาะห้องข้างๆ ให้ออกมาช่วยแต่ไม่มีใครออกมาเปิดให้ความช่วยเหลือ หลังจากนั้นตนจึงพาน้องแมนไปหาพ่อ ก่อนที่พ่อจะพาน้องไปโรงพยาบาล ด้านพ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว กล่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนสน.คันนายาว ได้ลงบันทึกประจำวันรับคำร้องทุกข์ของบิดาเด็กชายวัย 7 ขวบ แล้ว และได้ส่งเด็กที่ได้รับบาดเจ็บไปตรวจร่างกายที่รพ.นพรัตนราชธานี โดยในวันนี้เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 5 ( มีนบุรี) สำนักงานคดีเยาวชนและครอบครัว ถนนสีหบุรานุกิจ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ได้นัดสหวิชาชีพ ประกอบด้วย พนักงานอัยการ นักสังคมสงเคราะห์ ร่วมกันสอบปากคำเด็ก ทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหาข้อเท็จจริงในคดีทั้งหมด และจะได้พิจารณาเรียกผู้ถูกกล่าวหามาแจ้งข้อหาตามกฎหมาย ส่วนจะแจ้งข้อหาอะไรนั้นขอให้ทางพนักงานสอบสวนได้สอบสวนข้อเท็จจริงก่อน และต้องรอผลใบรับรองของแพทย์มาประกอบในการพิจารณาความผิดว่าจะเข้าข่ายความผิดขั้นไหน ซึ่งจากภาพวงจรปิดจะเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำการด้วยการทารุณโหดร้ายโทษก็จะเพิ่มขึ้นอีก มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 พันบาท ขณะเดียวกันฝั่งคู่กรณีได้เดินทางมาแจ้งความว่าลูกชายวัย 5 ขวบโดนเด็กชายวัย 7 ขวบทำร้าย และให้การว่า ขณะเกิดเหตุได้มองลงมาจากชั้น 5 เห็นว่าเด็กเล่นกัน ก่อนจะเห็นลูกโดนถีบล้มลงกับพื้น จึงทำให้โมโห พ.ต.อ.สิงห์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทางเจ้าที่ตำรวจก็มีอาสาสมัครตำรวจบ้าน ซึ่ง สน.คันนายาว มีอยู่ 400 นาย สำหรับชุมชนนี้ก็มีคณะกรรมการชุมชน ซึ่งเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน ได้กำชับให้ช่วยเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุ และมีเจ้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจตราอยู่เสมอ ตั้งแต่หลังเกิดเหตุ เนื่องจากเป็นข่าวที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ส่วนฝั่งคู่กรณีอีกฝ่ายก็มีความหวาดระแวง เมื่อคืนก็ไม่ได้เข้าไปนอนในชุมชน เจ้าหน้าที่ก็ให้ความปลอดภัยทั้งสองฝ่าย ในส่วนเรื่องของทางกฎหมายก็ว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ต่อมาเวลา 10.00 น. นายวิทัศน์ เตชะบุญ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมคณะเดินทางมาช่วยเหลือเยียวยาเด็กชายวัย 7 ขวบ นายวิทัศน์ กล่าวว่า ทางกรมกิจการเด็กและเยาวชนจะจะเดินทางเข้าไปพูดคุยเยียวยากับครอบครัวของเด็กทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อจะดูว่าทางครอบครัวดูแลเด็กเป็นอย่างไร แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะไหน คงจะไม่ให้มีการกระทำซ้ำ หากมีเหตุซ้ำขึ้นมา อาจจะให้ทางชุมชน เฝ้าระวังและเป็นหูเป็นตา ถ้าหากเกิดเหตุการลักษณะเช่นนี้อีก โดยจะส่งทีมงานบ้านพักเด็กและครอบครัวเข้าไปทำความเข้าใจกับครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากในการดูแลเด็ก และจะประเมินสภาพจิตใจของเด็กจากผู้เชี่ยวชาญว่ามีความพร้อมที่จะใช้ชีวิตตามปกติหรือไม่ ซึ่งในเคสนี้จะต้องเฝ้าดูแลอย่างต่อเนื่อง ต่อมาเวลา 13.30 น. นายอำนาจ หรือ นาจ ตลับทอง อายุ 43 ปี พร้อมด้วย ลูกชาย ได้เดินทางมาให้ปากคำกับ พ.ต.ท.วิระ งามเลิศ รองผกก.(สอบสวน)สน.คันนายาว หลังจากให้ปากคำสำนักพนักงานอัยการนนทรีเขต 5 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอำนาจกล่าวว่า ตนได้อาศัยอยู่ บ้านเอื้ออาทรณ์ปัญญาเป็นเวลา 8 ปีลูกชายเพิ่งจะย้ายมาอยู่ด้วยในเดือนมกราคม 59 ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ลูกชายได้อาศัยอยู่กับยาย ก่อนเกิดเหตุตนและนายนัฏฐาไม่ค่อยจะสนิทแต่ก็ทักทายกันตามปกติเรื่อยมา และตนต้องขอโทษสำหรับในเหตุการณ์ครั้งนี้รับผิดชอบทุกการกระทำซึ่งเวลานั้นตนไม่ได้มีความเครียดและไม่ได้ดื่มสุราแต่อย่างใดที่ตนได้ทำลงไปเพราะความรักลูกชายทั้งนี้ลูกชายยังบอกว่า ด.ช.แมน ชอบมาแกล้งถ้าย้อนเวลาได้ตนอยากจะกลับไปแก้ไขกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนเมื่อคืนตนได้ไปนอนที่ปั้มน้ำมัน เพราะตนกลัวหลายๆอย่างในตอนนี้ยังไม่มีใครมาคุกคามแต่อย่างใด หลังจากนี้ตนก็จะปล่อยให้ลูกชายเล่นปกติและถ้าเห็นลูกชายร้องไห้ก็จะพยายามดูแลให้ดี พ.ต.อ.สิงห์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายโดยเป็นการกระทำที่ทารุณโหดร้ายตามมาตรา 296 ซึ่งมีอัตรโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 พันบาทกับนายอำนาจ หลังจากนี้จะนำเด็กทั้ง 2 คนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจอีกครั้ง และเมื่อทราบผลการตรวจทางพนักงานสอบจะต้องนำมาพิจารณาว่าจะเข้าข่ายข้อหาใด หากผลออกมาว่าต้องรักษาอาการบาดเจ็บมากกว่า 20 วันก็จะต้องแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะ สำหรับคดีนี้จะต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือคดีที่นายอำนาจทำร้ายร่างกายด.ช.แมน จนได้รับบาดเจ็บ อีกคดีจะเป็นในส่วนของการทำร้ายร่างกายระหว่างเด็กทั้งสองคน ซึ่งตามกฎหมาย หากเด็กอายุไม่เกิน 10 ปีแม้จะมีการกระทำผิดจริงก็ไม่ต้องรับโทษ แต่ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนเช่นกัน หลังจากแจ้งข้อกล่าวหาแล้วก็จะปล่อยตัวนายอำนาจชั่วคราวเนื่องจากนายอำนาจไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และจะมีการนัดหมายให้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป นายณัฏฐา กล่าวว่า ตนให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ไม่มีอะไรจะพูดเนื่องจากได้พูดไปหมดแล้ว อย่าให้เป็นอุทาหรณ์และขอให้เกิดขึ้นกับครอบครัวของต้นเป็นครั้งสุดท้าย ลูกใครใครก็รัก ผมก็รักลูกของผม ซึ่งตนขออโหสิกรรมทุกอย่าง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฏฐาให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ไม่ขอจับมือกับนายอำนาจผู้ที่ลงมือกระทำลูกของตน