วิกฤตการณ์น้ำท่วมน้ำแล้งในประเทศไทยเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า สร้างความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน ส่งผลกระทบต่อชุมชนและเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ซึ่งการบรรเทาแก้ไขปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เพื่อช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้และชี้ให้ว่าทุกคนมีส่วนช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งนับเป็นความโชคดีของของพสกนิกรชาวไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน “ศาสตร์พระราชา” หรือแนวทางการจัดการ ดิน-น้ำ-ป่า เพื่อป้องกันและแก้ไขวิกฤตน้ำอย่างยั่งยืน โครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” นำโดย สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิ กสิกรรมธรรมชาติ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด รายการ “เจาะใจ” โดย บริษัท เจ เอส แอล โกลบอลมีเดีย จำกัด และภาคีเครือข่าย จึงเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2556 เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปในการช่วยฟื้นฟูและพัฒนาลุ่มน้ำป่าสัก ด้วยแนวทางศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น ในการแก้ไขวิกฤตน้ำท่วมน้ำแล้ง โดยมุ่งหวังให้ลุ่มน้ำป่าสักเป็น “ต้นแบบ” การจัดการลุ่มน้ำและทรัพยากรธรรมชาติ จนปัจจุบันเกิดการขยายผลไปยังลุ่มน้ำอื่นๆ ถึง 24 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ ก้าวสู่ปีที่ 4 โครงการฯ เดินหน้าต่อในการจัดกิจกรรมรณรงค์ 5 วัน เพื่อรวมพลัง 5 ภาคส่วน อันได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาชน และสื่อมวลชน พร้อมดาราจิตอาสา แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ซี-ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ บอย-พิษณุ นิ่มสกุล และเก้า-จิรายุ ละอองมณี ร่วมด้วยเครือข่ายประชาชน - ทหาร จากทั่วประเทศกว่า 4,000 คน ที่มารวมพลังกันสร้าง “ป่าสักโมเดล” ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบการจัดการน้ำตามแนวทางศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยบนพื้นที่ “ห้วยกระแทก” ขนาด 600 ไร่ ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี ที่พร้อมเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้แล้ว นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ในฐานะภาคีเครือข่ายภาคเอกชน กล่าวว่า “เราได้เห็นพลังสร้างสรรค์และพลังสามัคคีของ ‘คนมีใจ’ และ ‘เครือข่าย’ ที่เข้มแข็งมาร่วมกันสร้างห้วยกระแทกแห่งนี้ให้เป็น ‘ป่าสักโมเดล’ โดยเป็นการนำเอาองค์ความรู้และประสบการณ์ของเครือข่ายทั่วประเทศที่ร่วมโครงการฯ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และปฏิบัติตามแนวทางศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่จนเกิดผลสำเร็จ ในสภาพภูมิสังคมที่แตกต่างกัน อาทิ ตัวอย่างการจัดการน้ำในพื้นที่สูงและพื้นที่ราบ การแก้ปัญหาเขาหัวโล้น การสร้างแท็งก์น้ำยักษ์จากวัสดุจากธรรมชาติ และการแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งด้วยวิถีชุมชนตามภูมิสังคมอย่างยั่งยืน นอกจากนั้น ยังได้เรียนรู้หลักกสิกรรมธรรมชาติในฐานต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างคน สร้างเครือข่าย และเกิดการขยายผลต่อๆ ไปตามเป้าหมายของโครงการฯ ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ศูนย์การเรียนรู้ ‘ป่าสักโมเดล’ แห่งนี้ จะเป็นประโยชน์กับชาวลพบุรีและประชาชนในแถบลุ่มน้ำป่าสักและลุ่มน้ำอื่นๆ ในการเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับศาสตร์พระราชาเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง อย่างยั่งยืนต่อไป อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้ประชาชนได้ตระหนักรู้ในเรื่องการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกด้วย” ด้าน ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียงและมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ภาคีภาควิชาการผู้ร่วมก่อตั้งโครงการฯ ได้กล่าวว่า “ตลอด 5 วันที่ผ่านมา พลังสามัคคีของทุกภาคส่วนเพื่อสร้าง ‘ป่าสักโมเดล’ จนบรรลุเป้าหมายในขั้นต้น คือ ความมหัศจรรย์ของหัวใจของทุกคนและเครือข่ายที่มีเป้าหมายร่วมกันในการสานต่อและเผยแพร่ศาสตร์พระราชาให้เป็นที่ประจักษ์ ศูนย์การเรียนรู้ ‘ป่าสักโมเดล’ คือห้องเรียนขนาดใหญ่ที่จะเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้ที่จำลอง ‘หลุมขนมครก’ เพื่อใช้ในแก้ปัญหาการจัดการน้ำในแต่ละภูมิสังคมได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม การจัดกิจกรรม 5 วันของโครงการฯ ยังนับเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งประเทศเข้าร่วมเรียนรู้หลักปรัชญาในการทำงานร่วมกัน โดยมีเป้าหมายว่าทำงานแล้วต้อง ได้งาน ได้เพื่อน ได้พัฒนาตนเอง และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน หลังจากนี้สถาบันเศรษฐกิจพอเพียงและเครือข่ายภาควิชาการจากมหาวิทยาลัย ชั้นนำจะได้ใช้ศูนย์เรียนรู้ ‘ป่าสักโมเดล’ แห่งนี้เป็นศูนย์ฝึกและดูงานสำหรับนักศึกษาที่สนใจ เป็นสถานที่ศึกษาวิจัย รวมถึงสถาบันฯ ได้ร่วมมือกับหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ในการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลพื้นที่ และมอบหมาย ‘เครือข่ายลพบุรี’ ซึ่งมีผู้ใหญ่อ้อย-นางอุทุมพร สุขแพทย์ เป็นแกนนำ เชื่อมโยงเครือข่ายอื่นๆ ในลพบุรี และเครือข่ายของมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติในพื้นที่อื่นๆ เพื่อใช้ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้เป็นศูนย์สร้าง ‘คนมีใจ’ และ ‘เครือข่าย’ ที่เข้มแข็งต่อไป” พลโท ธนศักดิ์ เก่งถนอมม้า ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ตัวแทนภาคีภาครัฐ เจ้าของพื้นที่ห้วยกระแทกซึ่งปรับเป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบตามศาสตร์พระราชา “ป่าสักโมเดล” กล่าวว่า “หลังจากศูนย์การเรียนรู้นี้เสร็จสมบูรณ์ด้วยความร่วมแรงร่วมใจจากภาคีเครือข่ายต่างๆ หน่วยบัญชาการ สงครามพิเศษ ได้ตั้งนายทหาร และพลทหาร จำนวน 21 นาย มาประจำการศูนย์การเรียนรู้ฯ เพื่อดูแลรักษาพื้นที่ให้เกิดความเรียบร้อยและสวยงามอย่างต่อเนื่อง และจะได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมในรูปแบบ เครือข่ายประชารัฐ คือ ภาครัฐร่วมกับภาคประชาชน เพื่อร่วมบริหาร จัดการพื้นที่ ‘ป่าสักโมเดล’ ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา ที่เกิดการขยายผลอย่างเป็นรูปธรรมไปทั่วประเทศตามเป้าหมายต่อไป”(อ่านต่อ) มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ