มีหลายภาคส่วนที่ร่วมกิจกรรม รวมพลังตามรอยพ่อปี 4 สร้างป่าสักโมเดล ศูนย์เรียนรู้ต้นแบบการจัดการน้ำตามศาพระราชาใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่จังหวัดลพบุรี อีกหนึ่งในภาคีภาควิชาการสำคัญ ผู้ร่วมออกแบบพื้นที่ห้วยกระแทกแห่งนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม คือ ผศ.พิเชฐ โสวิทยสกุล คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า “ป่าสักโมเดล คือ รูปธรรมความสำเร็จในการเผยแพร่ศาสตร์พระราชาของโครงการฯ จากปีแรกที่ฝึกอบรมสร้างคน สร้างความเข้าใจในศาสตร์พระราชามาสู่การรณรงค์ให้ ‘ทดลองทำ’ ในปี 2 และ 3 พอถึงปีที่ 4 คนที่นำศาสตร์พระราชาไปใช้แก้ปัญหาอย่างได้ผลก็เดินทางมาจากทั่วประเทศเพื่อมา ‘ทำให้ดู’ เกิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์ฝึกและสร้างคนที่จะนำศาสตร์พระราชาไปขยายผลให้ได้มากที่สุด จากนี้ สจล.ร่วมกับมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติจะจัดกิจกรรมที่ศูนย์ ‘ป่าสักโมเดล’ อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำให้เกิด ‘คนมีใจ’ อีกหลายพันคนที่จะนำศาสตร์พระราชาไปขยายผลในพื้นที่ตัวเอง นอกจากนั้นยังจะดำเนินโครงการวิจัยในเชิงลึกในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันตก รวม 300 ไร่ ด้วยการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัทเชฟรอนประเทศไทย เพื่อจัดทำฐานข้อมูลอย่างมีส่วนร่วมและได้ข้อมูลเชิงประจักษ์ในการจัดเก็บข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของสภาพดิน น้ำ ป่า และความหลากหลายทางชีวภาพที่เกิดขึ้นจากการออกแบบพื้นที่อย่างเป็นระบบและเป็นมาตรฐานในทางวิชาการตามแนวทางศาสตร์พระราชาในมิติต่างๆ ทั้งมิติทางเศรษฐกิจ มิติทางสังคม และมิติทางสภาพแวดล้อม งานวิจัยนี้จะเป็นงานวิชาการที่ยืนยันในอีกทางหนึ่งถึงทฤษฎีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นทฤษฎีการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลก เพราะมหาวิทยาลัยในต่างประเทศหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยแอริโซนาของสหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบียของแคนาดา ต่างให้ความสนใจในศาสตร์พระราชา จึงเป็นโอกาสดีที่ ‘ป่าสักโมเดล’ แห่งนี้จะกลายเป็นแหล่งศึกษาดูงาน และต่อยอดสู่การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนในคณะสถาปัตยกรรมทั้งมหาวิทยาลัยในประเทศและต่างประเทศให้เป็นประโยชน์ต่อไป” พันเอกเริงฤทธิ์ เฉลยฤกษ์ หัวหน้ากองบริการ ศูนย์สงครามพิเศษและนายทหารโครงการเอราวัณ ผู้ได้รับมอบหมายเป็นนายทหารประจำโครงการ กล่าวว่า “ภาคภูมิใจมากที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้จัดทำโครงการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งมีเป้าประสงค์ 3 ประการ คือ การรักษาพื้นที่ราชพัสดุของหน่วยฯให้คงอยู่ตามจำนวนที่ได้รับการแบ่งมอบ การพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์อย่างรอบด้าน และการใช้พื้นที่เป็นแหล่งสนับสนุนการเรียนรู้และฝึกอบรมแก่ทุกภาคส่วน ซึ่งจากการเข้ามามีส่วนร่วมของโครงการตามรอยพ่อของแผ่นดิน ได้ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายทั้ง 3 ประการ อีกทั้งก่อให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่จะช่วยเหลือสานต่องานต่างๆ ให้เกิดความยั่งยืนต่อไป สิ่งที่จะดำเนินการต่อ คือ การสร้างคนด้วยการให้ความรู้ในเรื่องศาสตร์พระราชาผ่านกระบวนการอบรม และการเรียนรู้ด้วยการลงมือทำจริง เพื่อขยายเครือข่ายในการร่วมมือแก้ไขปัญหาการจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆ อย่างยั่งยืน ผู้สนใจเข้าชมและเข้ารับการอบรมที่ ‘ป่าสักโมเดล’ สามารถติดต่อที่ พันเอกเริงฤทธิ์ เฉลยฤกษ์ โทร. 090 973 9523” ด้าน พลทหาร เฉลิมพร แหวนประเสริฐ สังกัดกองร้อยบริการ กองบริการศูนย์สงครามพิเศษ อีกหนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรม กล่าวว่า “รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานเพื่อแผ่นดิน ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ลงมือปฏิบัติตามรอยพ่อ ได้มีส่วนร่วมสร้างสถานที่แห่งนี้เพื่อเป็นตัวอย่างให้ผู้คนรู้จักพออยู่ พอกิน พอใช้ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งผมก็ได้เรียนรู้ไปด้วย ผมตั้งใจจะนำความรู้กลับไปใช้พัฒนาชุมชนที่บ้านผมเอง ที่สำคัญผมรู้สึกเหมือนได้ทำงานรับใช้พระองค์ท่าน ผมเห็นหลายๆ คนที่เข้าร่วมโครงการนี้มีแต่รอยยิ้มและมีความสุข ผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย” นางอุทุมพร สุขแพทย์ ผู้ใหญ่บ้านชุมชนหมู่ 8 สามัคคี ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี ผู้นำเครือข่ายลพบุรี กล่าวว่า “เริ่มทำกิจกรรมกับโครงการฯ ตั้งแต่ปีที่ 3 โดยปีนี้ได้ทำงานเป็นอาสาสมัครเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ มีหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับทหาร ราชการ เครือข่าย และบุคคลทั่วไป ซึ่งได้ร่วมเตรียมงานนานถึง 3 เดือน โดยเข้าไปดูแลการปรับพื้นที่ เพื่อให้เป็นไปตามแบบของศูนย์การเรียนรู้ ‘ป่าสักโมเดล’ ต้องทุ่มทั้งแรงกายและแรงใจ เวลาที่เราเร่งทำงานแล้วเหนื่อยมันเทียบกับในหลวงไม่ได้เลย จึงทำให้รู้สึกว่าเราต้องเร่งทำงานให้เร็วกว่าเดิมเพื่อสานต่องานของพ่อให้สำเร็จ ภูมิใจที่มีส่วนร่วมในการสร้าง ‘ป่าสักโมเดล’ หวังให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศาสตร์พระราชานอกห้องเรียน โดยให้เห็นภาพที่เกิดขึ้นจริงจากนิทรรศการมีชีวิตที่ทุกคนร่วมสร้างไว้” นางวันเพ็ญ ศรีพรม หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรม ผู้ผันตัวจากผู้จัดการร้านหนังสือในเมืองหลวง มุ่งกลับบ้านเกิดเพื่อทำการเกษตรตามศาสตร์พระราชา กล่าวว่า “เข้าร่วมโครงการฯ ต่อเนื่องมา 2 ปีแล้วค่ะ หลังจากได้ไปอบรมที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จ.ชลบุรี เมื่อปี 2557 ก็ลาออกจากงานประจำมาทำเกษตรในรูปแบบ โคก หนอง นา ที่บ้าน พอหลังจบโครงการฯ ปี 2558 ก็กลับบ้านไปเริ่มขุดหนอง โดยมีทีมงานจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ช่วยออกแบบพื้นที่เก็บน้ำประมาณ 3 ไร่ ปีนี้ก็เริ่มทำนาได้ ปลูกผลไม้พืชผักสวนครัวและสมุนไพร คุณภาพชีวิตดีขึ้น สุขภาพดีขึ้น และได้กลับมาดูแลแม่ที่แก่ลง สำหรับโครงการฯ ปีนี้ ที่มีการสร้าง ‘ป่าสักโมเดล’ ถือว่าเป็นประโยชน์มากกับชาวลพบุรีและจังหวัดรอบข้าง เชื่อมั่นว่าสิ่งที่เริ่มต้นทำในวันนี้ จะส่งผลที่ดีในอนาคตแน่นอน และจะเข้าร่วมโครงการฯ นี้ต่อไปค่ะ” เป้าหมายของการสร้าง “ป่าสักโมเดล” ไม่เพียงให้เป็นศูนย์การเรียนรู้การบริหารจัดการน้ำตามศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่ “ป่าสักโมเดล” จะเป็นที่สร้าง “คนมีใจ” และ “เครือข่าย” ที่เข้มแข็ง ที่จะนำองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาไปต่อยอดขยายผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อหยุดท่วม หยุดแล้ง อย่างยั่งยืน ในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ