วันที่ 7 ตุลาคม 2559 พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยมิรามัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรพัฒน์ ธารีไทย รอง ผกก.3 บก.ป. สั่งการให้ พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล สว.กก.3 บก.ป. พร้อมพวกร่วมกันจับกุมตัว นายกิตติศักดิ์ สอนประสาร อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151/1หมู่ที่ 10 ต. เขาทราย อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1240/2559 ลง 23 มิถุนายน ในข้อ “ ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง” จับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณหน้าศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน ต.หนองหลวง อ.เมืองตาก จ.ตาก ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเดือน มิถุนายน 2559 ผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์กองปราบปราม เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุม นายกิตติศักดิ์ สอนประสาร ซึ่งเป็นลูกจ้างร้านทอง จิบฮุย ย่านพาหุรัด แขวงวังบูรพา เขตพระนคร กทม. ได้เชิดเงินนายจ้าง ซึ่งมอบหมายให้นำเงิน จำนวน 7 ล้านบาท ไปเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย ต่อมาทราบว่า นายกิตติศักดิ์ สอนประสาร ได้เชิดเงินจำนวนดังกล่าวหลบหนีไป จนเป็นเหตุให้ตนซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการร้านค้าทอง ได้รับความเสียหาย จึงได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง และศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ “ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง”ประกอบกับผู้เสียหาย มีประสงค์ร้องขอให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ให้ทำการสืบสวนเพื่อทำการจับกุม เพื่อไม่ให้แบบอย่างแก่ลูกจ้างรายอื่นๆ กระทั่งถึงวันที 6 ตุลาคม 2559 พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภากุล สว.กก.3 บก.ป.สืบสวนทราบว่า หลังเกิดเหตุ นายกิตติศักดิ์ สอนประสาร ผู้ต้องหาได้หลบหนี กบดานพื้นที่ อ.เมือง จ.ตาก จึงติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว จากการสอบสวนนายกิตติศักดิ์ รับสารภาพว่า ตนเองได้ทำงานที่ร้านดังกล่าวมา 2 ปีกว่าจนได้รับการไว้ใจให้นำเงินไปฝากธนาคารหลายครั้งหลายหนครั้งสุดท้ายได้นำเงินจำนวน 7 ล้านบาท ไปฝากธนาคารก็เลยเฉิดเงิน 7 ล้านบาทนำไปซื้อรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ราคา 7 แสนบาท 1 คัน และรถจักรยานยนต์อื่น 3 คัน ร่วมถึงซื้อสินค้าอื่นๆ ตามรายการตรวจยึดหลายรายการ และต่อมาได้หลบหนีกบดานพื้นที่จังหวัดตาก นำเงินส่วนที่เหลือ ไปเล่นการพนันแข่งนกกรง และการพนันไก่ชน ซึ่งเป็นพฤติกรรมชื่นชอบ จากนั้นนำเงินไปซื้อรถจักรยานยนต์ 3 ล้อพ่วง ตระเวนขายลูกชิ้นปิ้ง บริเวณหน้าศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน ต.หนองหลวง อ.เมืองตาก จ.ตาก จึงทำการจับกุมและตรวจยึดสิ่งของ ส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป