วันที่ 7 ต.ค.59 จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ชปส.บก.น.3 นำโดย พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง รรท.ผบก.น.3 พ.ต.อ.อำนาจ อินทรประสาท รองผบก.น.3 อำนวยการสั่งการให้ พ.ต.ท.สุรพล ก้อมน้อย รอง ผกก.สส.สน.มีนบุรี หัวหน้าชุด ชปส.บก.น.3 ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายอานันท์ หรือบาส เลาะพึ่ง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 ซ.รามอินทรา 36 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. พร้อมของกลางยาบ้าประมาณ 64,000 เม็ด และยาไอซ์น้ำหนักประมาณ 1.3 กก. จับกุมบริเวณป้ายรถเมล์หน้าปากซอนรามอินทรา 38 ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30. น. วันที่ 7 ต.ค. พล.ต.ต.ดร.ชัยพร พานิชอัตรา รรท.รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง รรท.ผบก.น.3 พ.ต.อ.อำนาจ อินทรประสาท รองผบก.น.3 พ.ต.ท.สุรพล ก้อมน้อย รองผกก.สส.สน.มีนบุรี หัวหน้าชุดชปส.บก.น.3 และเจ้าหน้าที่ชุดชปส.บก.น.3 ได้นำตัวนายอานันท์ ผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ยาบ้า 64,000 เม็ด และยาไอซ์น้ำหนักประมาณ 1.3 กก. ไปชี้จุดซ่อนยาเสพติดบริเวณป้ายรถประจำทางหน้าปากซอยรามอินทรา 36 และภายในบ้านพักซอยรามอินทรา 36 แขวงท้าแร้ง เขตบางเขน กทม. พล.ต.ต.ดร.ชัยพร กล่าวว่าหลังจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมล่อซื้อยาบ้าจำนวน 2,000 เม็ด จากนายอานันท์ ได้ โดยนัดส่งยาบ้ากันที่บริเวณป้ายรถเมล์หน้าปากซอยรามอินทรา 38 จึงพาตัวอานนท์ มาชี้จุดที่ซ่อนยาบริเวณใต้ต้นไม้ข้างป้ายรถประจำทางโดยห่อยาด้วยถุงกระดาษสีน้ำตาล และนำตัวไปชี้จุดซ่อนยาล็อตใหญ่ซึ่งอยู่ในบ้านพักซอยรามอินทรา 36 ภายในห้องนอนผู้ต้องหาบริเวณใต้ที่นอนโดยใช้กระเป๋าสะพายข้างขนาดใหญ่สีดำ บรรจุยาบ้าจำนวน 31 มัด 62,000 เม็ด อยู่ในถุงพลาสติกสีดำมัดรวมกันด้วยหนังยางห่อด้วยกระดาษสีเหลือง และยาไอซ์น้ำหนัก 1.3 กก. บรรจุอยู่ในภุงพลาสติกใสจำนวน 3 ถุง และบรรจุอยู่ในถุงพลากสติกห่อด้วยกระดาษสีเหลืองจำนวน 1 ห่อ ซึ่งการนำตัวมาชี้จุดซ่อนยาครั้งนี้ตรงกับคำให้การรับสารภาพทุกอย่าง พล.ต.ต.ดร.ชัยพร กล่าวว่าจากการสอบสวนนายอานันท์ ทราบว่าผู้ต้องหาไม่ได้เรียนหนังสือหรือประกอบอาชีพใดๆ ผู้ต้องหาจะรับยาบ้า และยาไอซ์ดังมาจากนายนุ และนายเกอร์ ซึ่งติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์และจะนัดหมายส่งบริเวณใกล้เคียงบ้านของผู้ต้องหา เช่นใต้ทางด่วนฉลองรัช หรือตามป้ายรถประจำทางต่างๆ แต่ส่วนใหญ่จะเลือกส่งบริเวณป้ายรถประจำทางหน้าปากซอยรามอินทรา 36 เมื่อนายนุหรือนายเกอร์ ติดต่อมาผู้ต้องหาก็จะปั่นจักรยานออกไปรับของ ซึ่งของส่วนใหญ่จะถูกใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายข้างหรือใส่กล่องกระดาษไว้ หลังจากนั้นจะนำยาเสพติดที่ได้มาพักไว้ภายในบ้าน และรอคนติดต่อมาเพื่อนำของไปส่งตามจุดต่างๆ ซึ่งได้ค่าจ้างครั้งละ 10,000 บาทจากการโอนเงินผ่านทางธนาคาร และจะมีการส่งยาเสพติดถึงเดือนละ 5 ครั้งโดยแต่ละครั้งจำนวนยาที่รับมาจะไม่เท่ากัน ส่วนเงินที่ได้มาจะนำไปซื้อยาเคมาเสพและใช้เที่ยวเตร่ พล.ต.ต.ดร.ชัยพร กล่าวอีกว่าที่ตนต้องลงมานำชี้จุดและซักถามผู้ต้องหาด้วยตัวเองเนื่องจากได้รับมอบหมายมาจากผู้บัญชาการให้เน้นเรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในท้องที่บช.น. หากเป็นผู้ค้ารายสำคัญตนจำเป็นต้องลงพื้นที่เองทุกคดีเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ชุดปราบปรามยาเสพติดว่าเราเอาจริงที่จะปราบปรามยาเสพติดให้หมดไป