มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้ทำการวิจัยและพัฒนายางพารามาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถได้สูตรยางพาราผสมสังกะสีออกไซด์ (Zinc oxide) ที่มีคุณสมบัติสามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก เชื้อแบคทีเรียแกรมลบ รวมถึงเชื้อไวรัสและเชื้อดื้อยาบางชนิด โดยดำเนินการร่วมกับวิทยาลัยการแพทย์พระมงกุฎ

เป็นที่มาของแนวคิดนำงานวิจัยชิ้นนี้ต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ของ 3 นักศึกษาสาว จากภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ประกอบด้วย นางสาวปิยฉัตร เสียมไหม นางสาวพรไพลิน ลิปภานนท์ ชั้นปีที่ 3 และ นางสาวพัชรินทร์ โพธิ์รัตน์ ชั้นที่ปี 2 โดยมี ดร.เยี่ยมพล นัครามนตรี เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ที่สามารถนำสูตรผสมดังกล่าว มาสู่การผลิตเป็นถุงมือฆ่าเชื้อจากยางพารา (Disinfectant Para-rubber Glove)

พัชรินทร์ โพธิ์รัตน์ กล่าวว่า จุดเด่นของสูตรการผลิตของอาจารย์ที่ไม่ใช่การนำ Zinc oxide มาเคลือบบนพื้นผิวหน้ายาง แต่เป็นวิธีการผสมสารนี้เข้าไปในตัวเนื้อยางโดยตรงที่ทำให้ตัวผิวหน้าปลอดจากสารเคลือบ แต่ยังคงคุณสมบัติประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อดี จึงพัฒนาเป็นถุงมือยางด้วยการหาเทคนิคการนำยางสูตรดังกล่าวมาขึ้นรูปเป็นถุงมือยางจนสำเร็จ ที่สำคัญยังไม่ฉีกขาดง่าย และใช้งานได้ดีดั่งเช่นถุงมือยางพาราทั่วไป ซึ่งทำให้ผลงานถุงมือยางนี้ ได้รับรางวัลเหรียญเงิน ประเภทนวัตกรรมทางด้านการแพทย์ จากเวทีการประกวดนวัตกรรมสายอุดมศึกษา ประจำปี 2565 จัดโดยสำนักงานวิจัยแห่งชาติ (วช.) เมื่อวันที่ 4 ส.ค.65 ที่ผ่านมา

จากเวทีแรก สู่การส่งโครงการเข้าร่วมประกวดในเวที Thailand Innovation Awards 2022 หรือ TIA จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ในช่วงเวลาต่อมา ซึ่ง

ปิยฉัตร เสียมไหม กล่าวว่า ได้นำผลงานที่เรามีเข้าร่วมประกวดด้วย และอยากเห็นนวัตกรรมใหม่ๆ ของทีมอื่น อยากเปิดโลกและหาประสบการณ์ โดยเฉพาะเรื่องของการตลาด เพราะเวที TIA จะเน้น 2 ด้าน ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ และการตลาด ส่วนที่เลือกถุงมือฆ่าเชื้อจากยางพารามาประกวดนั้นเพราะอยากนำเสนอว่า มจธ.มีองค์ความรู้ ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางด้านการแพทย์ที่มีจุดเด่นด้านประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อได้ทุกที่ ที่สำคัญสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตและสามารถต่อยอดไปสู่เชิงธุรกิจได้จริง

“ในการประกวด TIA เรามีการวิเคราะห์ด้านการตลาดเพิ่มเติม ทั้งการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับมูลค่าและความต้องการใช้ทั้งในตลาดโลกและในบ้านเรา เพื่อหาส่วนแบ่งการตลาดที่สามารถทำได้จริง เพื่อนำตัวเลขนี้มาคำนวณข้อมูลการลงทุน ตั้งแต่กำลังการผลิต ขนาดของเครื่องจักร ค่าแรงงาน ค่าน้ำ ค่าไฟต่างๆ เพื่อทำให้แผนการตลาดนี้มีความเป็นไปได้จริงมากที่สุด แต่เนื่องจากเราไม่ได้อยู่ในสายนี้ ไม่เคยรู้เรื่องการตลาดมาก่อน จึงต้องทำงานกันอย่างหนักในช่วงระยะเวลา 4 เดือน ช่วยกันค้นหาข้อมูลต่างๆ ทั้งเรื่องการคิดต้นทุน การวางแผนการผลิต หรือแม้แต่รูปแบบการลงทุน รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มจุดแข็งให้กับผลิตภัณฑ์ โดยมีรุ่นพี่และอาจารย์คอยให้คำแนะนำ” ปิยฉัตร กล่าว

พรไพลิน ลิปภานนท์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองยังไม่ได้ปักหลักว่าอยากทำอะไรแน่ชัด แต่หลังจากได้มาประกวดและได้ศึกษาการทำแผนการตลาด รู้สึกความชอบของตัวเองเริ่มแคบลง เริ่มสนใจด้านการตลาดมากขึ้น ทำให้มุมมองเรื่องการขายเรื่องการตลาดเปลี่ยนไป เพราะจริงๆ แล้วมันมีรายละเอียดมากกว่าการคิดแค่ต้นทุน ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ตนเองมุ่งเรียนอย่างเดียวไม่ได้สนใจเรื่องของการประกวดนวัตกรรม พอเรียนไปก็เกิดคำถามกับตัวเองว่าเรียนไปเพื่ออะไร นำความรู้ที่เรียนไปใช้ยังไงได้บ้าง พอได้มาประกวดทำให้เราเปิดโลกมากขึ้น ได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ความรู้ใหม่ๆ เจอสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในห้องเรียน ทำให้เรามีไอเดียและสนใจอยากเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น

ด้าน ดร.เยี่ยมพล นัครามนตรี เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา กล่าวทิ้งท้ายว่า ถุงมือฆ่าเชื้อจากยางพาราถือเป็นงานวิจัยนวัตกรรมที่นำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งในด้านการแพทย์ เศรษฐกิจ การส่งออก เป็นอีกทางออกหนึ่งในการช่วยเกษตรกรชาวสวนยางพาราในภาวะที่ยางพารามีราคาตกต่ำ ซึ่งผลงานดังกล่าวหากมีการต่อยอดในเชิงพาณิชย์ถือเป็นการตอบโจทย์การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน