วันที่ 28 ก.ค.2559 ในงาน ปาฐกถาพิเศษ ครบรอบ 63 ปี นิตยสารสยามรัฐ สัปดาหวิจารณ์ "เสริมเศรษฐกิจฐานราก สร้างเมกะโปรเจกต์ ขับเคลื่อนประเทศ" โดยดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ว่า รัฐเตรียมเสนอมาตรการสินเชื่อประชารัฐเพื่อประชาชนให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการให้บริการสินเชื่อแก่ประชาชนที่ประกอบอาชีพรับจ้าง อาชีพอิสระ เช่น วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง คนขับรถแท็กซี่ กลุ่มแม่บ้านที่รวมตัวทำวิสาหกิจชุมชน ผ่านธนาคารออมสิน โดยจะเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ระยะเวลา 5 ปี โดยปีแรกจะคิดดอกเบี้ย 0% ปีที่ 2-3 คิด 1% แล้วยังเตรียมดำเนินการในอีกหลายเรื่องเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้มีรายได้น้อย และเศรษฐกิจฐานราก เช่น การยกระดับความสามารถให้เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่สามารถทำการตลาดได้ด้วย, โครงการพักหนี้ให้กับลูกค้าธนาคารออมสินที่มีปัญหาเรื่องภาระในการชำระหนี้, โครงการฝึกอาชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย, การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ
สำหรับการปฏิรูปโครงสร้างภาษีนั้นจะมีการออกกฎหมายอีกหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจ, พ.ร.บ.วินัยการคลัง โดยรัฐบาลพยายามเดินหน้าให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ส่วนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนั้นมุ่งเน้นที่จะให้ไทยเป็นศูนย์กลางคมนาคมและขนส่งในภูมิภาคอาเซียน พร้อมทั้งการปรับโครงสร้างการผลิต โดยกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะให้การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น
-“นที” เชื่อ รบ. จับกองทุนหมู่บ้าน ให้เป็นธนาคารใกล้ตัว
ด้านนายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ(สทบ.) กล่าวในหัวข้อ “กองทุนหมู่บ้าน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก” ว่า ใน 15 ปีของกองทุนหมู่บ้านที่ผ่านมาจะเห็นว่าระยะแรกเราถูกให้กลายเป็นธนาคารของประชาชน ประชาชนคนในหมู่บ้านสามารถกู้ยืมได้จากแหล่งใกล้ตัวได้ ไม่จำเป็นต้องสวมใส่ชุดสูทไปที่ธนาคารของเขา เราสามารถมองทุกอย่างตรงนี้ได้ว่าคือธนาคารที่ใกล้ตัวประชาชนมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นยามเดือดร้อนหรือยามที่มีเงินเหลือมาฝากไว้เพื่อประกันความเสี่ยงในชีวิต นั้นคือภาพกองทุนหมู่บ้านที่รัฐบาลคาดหวังให้เป็นธนาคารที่อยู่ใกล้ประชาชน และอยู่ภายใต้คำสบประมานว่าชาวบ้านเป็นใคร ทำงานอะไร แล้วจะอยู่ได้รอดหรือไม่ แต่ใน 15 ปีเรามีบัญชีจากธนาคารออมสิน ธกส.ที่นำไปฝาก ผมมีความภาคหมู่ใจกับ 15 ปีของกองทุนหมู่บ้าน เพราะบัญชีฝากของเรามีมาถึง 240,000 ล้านบัญชี ต้องบอกว่าบัญชีนี้ก็มาจากประชาชนคนไทย
กองทุนหมู่บ้าน 15 ปี เราทำหน้าที่ธนาคารอาจจะมีดีบ้าง หรือมีปัญหาบ้าง แต่เราก็สามารถพากองทุนหมู่บ้านมาได้และเดินต่อไป ตนมองว่านั้นเป็นสิ่งที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้พูดถึงว่าท่านได้นึกถึงกองทุนหมู่บ้าน และเชื่อว่าท่านต้องนึกถึงผลงานของประชาชนชาวกองทุน 13 ล้านคนที่เป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน และ 79,551 กองทุนที่รวมอยู่กันมา 15 ปี ซึ่งตนเข้าใจว่านั้นเป็นที่มาของรัฐบาลนี้ที่จับกองทุนหมู่บ้านเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และกลายมาเป็นโครงการประชารัฐ นายนที กล่าว.
-“นที” เชื่อ รบ. จับกองทุนหมู่บ้าน ให้เป็นธนาคารใกล้ตัว
ด้านนายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ(สทบ.) กล่าวในหัวข้อ “กองทุนหมู่บ้าน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก” ว่า ใน 15 ปีของกองทุนหมู่บ้านที่ผ่านมาจะเห็นว่าระยะแรกเราถูกให้กลายเป็นธนาคารของประชาชน ประชาชนคนในหมู่บ้านสามารถกู้ยืมได้จากแหล่งใกล้ตัวได้ ไม่จำเป็นต้องสวมใส่ชุดสูทไปที่ธนาคารของเขา เราสามารถมองทุกอย่างตรงนี้ได้ว่าคือธนาคารที่ใกล้ตัวประชาชนมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นยามเดือดร้อนหรือยามที่มีเงินเหลือมาฝากไว้เพื่อประกันความเสี่ยงในชีวิต นั้นคือภาพกองทุนหมู่บ้านที่รัฐบาลคาดหวังให้เป็นธนาคารที่อยู่ใกล้ประชาชน และอยู่ภายใต้คำสบประมานว่าชาวบ้านเป็นใคร ทำงานอะไร แล้วจะอยู่ได้รอดหรือไม่ แต่ใน 15 ปีเรามีบัญชีจากธนาคารออมสิน ธกส.ที่นำไปฝาก ผมมีความภาคหมู่ใจกับ 15 ปีของกองทุนหมู่บ้าน เพราะบัญชีฝากของเรามีมาถึง 240,000 ล้านบัญชี ต้องบอกว่าบัญชีนี้ก็มาจากประชาชนคนไทย
กองทุนหมู่บ้าน 15 ปี เราทำหน้าที่ธนาคารอาจจะมีดีบ้าง หรือมีปัญหาบ้าง แต่เราก็สามารถพากองทุนหมู่บ้านมาได้และเดินต่อไป ตนมองว่านั้นเป็นสิ่งที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้พูดถึงว่าท่านได้นึกถึงกองทุนหมู่บ้าน และเชื่อว่าท่านต้องนึกถึงผลงานของประชาชนชาวกองทุน 13 ล้านคนที่เป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน และ 79,551 กองทุนที่รวมอยู่กันมา 15 ปี ซึ่งตนเข้าใจว่านั้นเป็นที่มาของรัฐบาลนี้ที่จับกองทุนหมู่บ้านเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และกลายมาเป็นโครงการประชารัฐ นายนที กล่าว.