จากสถิติข้อมูลกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. -วันที่ 19 พ.ย. 2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 8,206,035 คน สร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวสะสมราว 281,076 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรกมาจาก ประเทศมาเลเซีย 1,450,528 คน, อินเดีย 780,836 คน, สิงคโปร์ 431,510 คน, ลาว 391,446 คน และเวียดนาม 382,075 คน ซึ่งมีการประเมินไว้ว่าในปี 2565 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย จะถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10 ล้านคน
เพิ่มโอกาสท่องเที่ยวเดินทาง
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ช่วงปลายปีถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญ แอร์เอเชียจึงวางเเผนเปิดเส้นทางบินใหม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะเส้นทางระหว่างประเทศที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการเดินทางท่องเที่ยวอย่างดี โดยมีเส้นทางบินล่าสุด คือ เส้นทางเชียงใหม่-สิงคโปร์ ที่เปิดให้บริการไปแล้ว ซึ่งจะทำให้แอร์เอเชียมีเส้นทางบินเชื่อมต่อสิงคโปร์กับไทยที่หลากหลายทั่วทุกภูมิภาค คือ ดอนเมือง-สิงคโปร์ 3 เที่ยวบินต่อวัน ภูเก็ต-สิงคโปร์ 1 เที่ยวบินต่อวัน และเชียงใหม่-สิงคโปร์ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
ซึ่งเส้นทางบินใหม่ เชียงใหม่-สิงคโปร์ จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จะบินตรงทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ อาทิตย์ เริ่มบินตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นการตอกย้ำแผนการขยายเครือข่ายบินตรงเส้นทางระหว่างประเทศสู่ฐานปฏิบัติการนอกกรุงเทพ เพิ่มโอกาสการท่องเที่ยวเดินทาง โดยฐานปฏิบัติการบินเชียงใหม่ถือเป็นปลายทางยอดนิยม และได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งเส้นทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ พร้อมเพิ่มฝูงบินเป็น 4 ลำ รองรับการเติบโตในเดือนธันวาคมนี้
ขณะที่สิงคโปร์เป็นประเทศที่ครบถ้วนด้านการท่องเที่ยว และเป็นปลายทางยอดนิยม มีอัตราขนส่งผู้โดยสารสูงตลอดปี ดังนั้นการเปิดบินตรงเชียงใหม่-สิงคโปร์ เป็นโอกาสสำคัญ ที่ทำให้คนเชียงใหม่ เเละจังหวัดใกล้เคียงสามารถบินตรงได้สะดวก ราคาประหยัด ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสดึงนักท่องเที่ยวจากสิงคโปร์ที่มีความหลากหลายและมีกำลังซื้อ เชื่อมต่อมาเชียงใหม่ได้ กระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกัน
ทั้งนี้ นายสันติสุข กล่าวว่า ในโอกาสเปิดเส้นทางบินใหม่ เชียงใหม่-สิงคโปร์ ทางแอร์เอเชีย ได้จัดโปรโมชั่นสิงคโปร์สีสันใหม่ไม่เคยหมด ราคาสมาชิกแอร์เอเชีย 3,390 บาทต่อเที่ยว ราคาบุคคลทั่วไป 3,430 บาทต่อเที่ยว สำรองที่นั่งได้ตั้งเเต่วันนี้ -วันที่ 4 ธันวาคม 2565 เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566
ขยายโอกาสสร้างพันธมิตร
ด้าน สายการบินไทยเวียตเจ็ท ได้มอบตัวเลือกการเดินทางที่สะดวก คุ้มค่า และยืดหยุ่นแก่ผู้โดยสาร ด้วยการออกโปรโมชั่น บิน เที่ยว ปัง หลังปีใหม่ (November Surprise) เสนอบัตรโดยสารราคาพิเศษสามารถใช้เดินทางได้กับทุกเส้นทางบินบนเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศของไทยเวียตเจ็ท ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ หาดใหญ่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี อุดรธานี ขอนแก่น และอุบลราชธานี รวมทั้งเครือข่ายเส้นทางบินข้ามภูมิภาคจากภูเก็ต สู่ เชียงใหม่ และเชียงราย
รวมถึงทุกเส้นทางบินบนเครือข่ายเส้นทางบินระหว่างประเทศของไทยเวียตเจ็ท ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ เวียดนาม พนมเปญ สิงคโปร์ ฟูกุโอกะ และไทเป ซึ่งพร้อมให้บริการผู้โดยสารด้วยความปลอดภัยในระดับสูงสุดระหว่างการเดินทางในช่วงการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 โดยดำเนินมาตรการทำความสะอาดและฆ่าอบเชื้อภายในอากาศยานอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้โดยสารและพนักงานทุกคน
ขณะที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน โดยในปี 2565 นี้ ถือเป็นปีครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและญี่ปุ่น 135 ปี ก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทั้งสองประเทศมีการท่องเที่ยวเดินทางระหว่างกันกว่า 3 ล้านคน ซึ่งภายหลังความรุนแรงของสถานการณ์เริ่มบรรเทาลง การเดินทางของทั้งสองประเทศเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะในฤดูการท่องเที่ยวช่วงปลายปีนี้ มีจำนวนเที่ยวบิน และนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจ ด้วย Soft Power ของประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นต่างมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น
โดยประเทศไทยประสงค์ที่จะมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบสองทาง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ญี่ปุ่น – ไทยให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น และถือเป็นการขยายโอกาสการสร้างพันธมิตรในการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ของทั้ง 2 ประเทศได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้ท่องเที่ยวเป็นเสมือนสะพานเชื่อมโยงคนไทยและญี่ปุ่นเข้าหากัน รวมทั้งเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศให้ทวีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น