ด้วยความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยวของไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีมาตรฐานและความพร้อมในด้านการบริการและอาหารที่ดี จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกเมื่อ นายอัศวิน อิงคะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มโรงแรมมิราเคิลกรุ๊ป ได้เสริมทัพธุรกิจโรงแรมด้วย  อัศวิน แกรนด์ คอนเวนชัน ระดับ 5 ดาว ซึ่งใช้เงินลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท  โดยตั้งเป้าเป็นศูนย์การประชุมสัมมนาและงานแต่ง ในย่านหลักสี่

ทุกภาคส่วนต้องให้บริการที่ดี

ทั้งนี้ นายอัศวิน อิงคะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มโรงแรมมิราเคิลกรุ๊ป กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทุกส่วนต้องให้บริการที่ดี เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาแล้วประทับใจและกลับมาอีก ดังนั้นโรงแรม อัศวิน แกรนด์ คอนเวนชัน ที่สร้างขึ้นแห่งใหม่นี้จึงสามารถรองรับผู้เข้าร่วมงานมากว่า 10,000 คนต่อวัน และด้วยสถานที่ตั้ง ห่างจากโรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชัน เพียง 80 เมตร จึงทำให้ช่วยส่งเสริมยอดจองระหว่างกันได้ดี เพราะลูกค้ามีทางเลือกในการตัดสินใจเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งช่วยทางกลุ่มในการบริหารจัดการพนักงานระหว่างทั้งสองโรงแรมให้มีความคล่องตัวได้เป็นอย่างดี

โดยห้องประชุมจัดเลี้ยงที่เปิดบริการไม่นานก็มียอดจองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานแต่ง งานสัมมนา ถึงตอนนี้ยอดการจองใช้สถานที่ในโรงแรมอยู่ที่ประมาณ 40 – 50%  ดังนั้นจึงมีความมั่นใจในช่วงหลังปีใหม่ ซึ่งโรงแรจะเปิดอย่างเป็นทางการก็น่าจะมียอดจอง-สัมมนากลับมาเช่นเดิมอย่างแน่นอน

เจาะลูกค้าได้ตรงตามเป้าหมาย

 โดย นายอัศวิน ยังกล่าวถึงภาพรวมของสถานการณ์โรงแรม  ว่า เวลานี้ธุรกิจโรงแรมเริ่มฟื้นตัว จากสถิติข้อมูลตัวเลขจากผู้มาเข้าใช้บริการที่สนามบิน  ซึ่งทั้ง ภาคราชการและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เฝ้ารอประเทศจีนเปิดประเทศ ซึ่งน่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับเข้าเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน  

ซึ่ง นายอัศวิน กล่าวว่า ตอนนี้ธุรกิจในสนามบินกลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะที่สุวรรณภูมิ และ ดอนเมือง  แต่ในส่วนของโรงแรมลูกค้ายังน้อย ด้วยโรงแรมเจาะลูกค้าระดับบน แต่ด้วย เน้นรับลูกค้าคนไทย โดยเฉพาะงานประชุม สัมมนา จึงเป็นความโชคดีที่ในช่วงโควิดระบาดเราถึงรอดมาได้  ทั้งนี้ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าประชุม และสัมมนา แบ่งเป็น ภาครัฐ 50-60% และภาคเอกชน 20-30%”

ในส่วนธุรกิจของมิราเคิลกรุ๊ป ที่มีด้วยกัน 5 บริษัท อาทิ โรงแรมในสนามบิน (มิราเคิล ทรานสิท, สลีพบ็อกซ์ บาย มิราเคิล), ห้องรับรองในสนามบิน (มิราเคิล เลานจ์), ร้านอาหาร (แมจิกฟู้ด), มิราเคิล โคเวิร์คกิ้ง สเปซ เป็นต้น  

พร้อมกันนี้ นายอัศวิน กล่าวถึงธุรกิจมิราเคิล เลานจ์ ว่า ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ยังมี เลานจ์ ที่ยังไม่เปิดให้บริการอีก 3 เลานจ์ จากทั้งหมด 11 เลานจ์ แต่กำลังทยอยเปิด ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้เตรียมงบไว้ 200 ล้านบาท เข้าไปจับจองพื้นที่ในอาคาร Satellite 1 ซึ่งการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เตรียมจะเปิดให้บริการในเร็วๆนี้ โดยทางกลุ่ม ได้เข้าไปจับจองพื้นที่ไว้แล้ว 3,000 – 4,000 ตารางเมตร สำหรับการเตรียมเปิดให้บริการโรงแรมในสนามบิน (มิราเคิล ทรานสิท, สลีพบ็อกซ์ บาย มิราเคิล) ห้องรับรองในสนามบิน (มิราเคิล เลานจ์) ซึ่งขณะนี้รอความชัดเจนว่า ทอท. จะเปิดให้บริการอาคารใหม่นี้เมื่อใด

อย่างไรก็ตาม นายอัศวิน กล่าวต่อถึง โรงแรมอัศวินฯ ที่เปิดใหม่ ว่า ประกอบด้วย 3 อาคารหลัก ได้แก่ 1.อาคารหลัก (อาคาร A) มีห้องพักที่เป็นห้องสวีตระดับพรีเมี่ยมจำนวน 42 ห้อง และมีพื้นที่รองรับการจัดประชุมสัมมนา และงานแต่งรวม 32 ห้อง พื้นที่รวมมากกว่า 20,000 ตารางเมตร โดยมีห้องบอลรูมชื่อ อัศวิน  โอ่อ่ากว้างขวาง รองรับการจัดประชุมสัมมนาและงานเลี้ยงขนาดใหญ่ได้มากกว่า 2,000 คน 2.อาคารห้องพัก (อาคาร B) มีห้องพักที่เป็นส่วนของห้องพรีเมียร์และห้องพรีเมียร์ พลัส จำนวน 150 ห้อง และอาคารจอดรถ (อาคาร C) รองรับการจอดรถได้ประมาณ 2,000 คัน คาพาซิตี้ทั้งหมดนี้สามารถรองรับผู้เข้าร่วมงานได้มากกว่า 10,000 คนต่อวัน

นอกจากนี้ ยังมีห้องสปา, ฟิตเนส และสระว่ายน้ำ infinity pool บนรูฟท็อป ชั้น 6 รวมถึงห้องอาหารที่ให้บริการแบบออลเดย์ไดนิ่ง บริเวณชั้น G อาคาร A รองรับได้ถึง 160 ที่นั่ง