เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 ต.ค. ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์มีการข่าวแจ้งว่าจะมีกลุ่มก่อการร้ายก่อเหตุคาร์บอม 3 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 25-30 ต.ค. โดยมีเป้าหมายหรือพื้นที่เสี่ยง ห้างสรรพสินค้า ลานจอดรถและตามแหล่งท่องเที่ยว ว่า ในฐานะที่เราเป็นหน่วยปฏิบัติ ก็ต้องมีการเตรียมการในการตรวจสอบรายละเอียด การแจ้งเตือนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งตนอยากฝากว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่ทั้งโลกก็มีสถานการณ์ในเรื่องก่อการร้าย และประเทศไทยก็เป็นจุดหนึ่งที่อาจเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาได้ เมื่อมีการแจ้งเตือนมา หน่วยงานความมั่นคงจึงต้องเข้มงวดในการตรวจสอบ แต่ถือว่าเป็นการระแวดระวัง ซึ่งการแจ้งเตือนไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่มีมาตลอด และทุกครั้งที่มีการแจ้งเตือนเราก็ไม่ได้เพิกเฉยแต่มีการจัดกำลังเข้าไปตรวจสอบ ดูแล ถือเป็นสิ่งที่ดี ปัญหาคือก่อให้เกิดการดำเนินการในส่วนของการตั้งด่าน การตรวจสอบรายละเอียด อาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนบ้าง ดังนั้นจึงขอให้เข้าใจเพื่อความปลอดภัยของพวกเราทุกคน มีบางคนบอกว่าไปทำให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่ตนเชื่อว่าประชาชนเข้าใจดีว่าเป็นสถานการณ์สากล และเราก็เปลี่ยนคำว่า ตื่นตระหนกเป็นตื่นตัว ซึ่งประชาชนเองก็ต้องช่วยกันดูแล หากเจออะไรผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที “เราเองพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่กระบวนการในการทำเรื่องนี้อาจมีผลกระทบบ้าง ก็ขอให้ประชาชนเข้าใจในการตรวจสอบ จริงเท็จเราไม่ได้รู้แต่เมื่อมีข่าวมา เราก็ทำอย่างดีที่สุด แต่ผลสำเร็จจะออกมาดีแค่ไหนก็อยู่ที่ความมือร่วมใจและความเข้าใจของพี่น้องประชาชนด้วย แล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ” ผบ.ทบ. กล่าว พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า บทบาทของกองกำลังรักษาความสงบในปัจจุบันในเรื่องรักษาความสงบเรียบร้อยประสานและทำงานกับทางฝ่ายตำรวจในทุกขั้นตอน แต่ในเรื่องของกฏหมายจะให้ตำรวจเป็นหลัก ขณะทำงานร่วมกันทุกกองทัพ และทำงานในทุกพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชน พิ้นที่สาธารณะ ศูนย์การค้า ซึ่งต้องอาศัยเครือข่ายภาคประชาชนในการตรวจสอบด้วย ส่วนในพื้นที่ภาคใต้มีการใช้กำลังเข้มงวดกวดขันอยู่แล้ว ซึ่งเป็นมาตราการทั้งเชิงรับและเชิงรุก เราเองก็พยามคุมพื้นที่ให้ได้ ปัจจุบัน พล.ท. ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ. รมน.ภาค 4 ได้ดำเนินการในเรื่องการข่าวอย่างเข้มงวด การใช้ และการปรับกำลัง จะทำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า “จริง หรือ เท็จเราไม่รู้ แต่เมื่อมีข่าวมาเราก็ทำอย่างดีที่สุด แต่ผลสำเร็จจะได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่ที่ความร่วมมือร่วมใจและความเข้าใจของประชาชนด้วย ในบทบาทของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ก็ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการร่วมกันทุกขั้นตอน ในทุกกองทัพภาค ในพื้นที่ทีมีการแจ้งเตือนเราก็ดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชน พื้นที่สาธารณะ ศูนย์การค้า ก็อาศัยเครือข่ายภาคประชาชนร่วมด้วย” เมื่อถามว่า การข่าวคาร์บอมบ์ในพื้นที่ กทม. มีความเชื่อมโยงกับ จชต.อย่างไร พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ในพื้นที่ จชต.มีการติดตามด้านการข่าวมาตลอด มีรถที่หายไปและ มีการไปประกอบระเบิด ถ้าถามว่ายืนยันหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าไม่ได้ยืนยัน 100 % เพียงแต่เราก็จัดระเบียบในการตรวจตราให้ดีขึ้น ข้อมูลที่ออกมาบางส่วนเช่นยานพาหนะชนิดนี้มีเบาะแสว่าจะเกี่ยวข้องถ้าพวกเราช่วยกันเป็นหูเป็นตาสิ่งเหล่านี้ก็จะคลี่คลายไป การที่เรากำหนดมาตรการเข้มงวดกวดขัน ฝ่ายก่อการคิดว่าน่าจะลำบาก ผู้สื่อข่าวถามว่า วิเคราะห์ว่าเป้าหมายที่มาคาร์บอมบ์ในการกรุงเทพ เพื่อสั่นคลอนรัฐบาล และท้าทาย คสช .พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ตนไม่ทราบความต้องการ แต่ไม่ว่าจะด้วยเป้าหมายใดก็ตาม ไม่ใช่เรื่องที่ดี ณ เวลานี้ตนยังตอบไม่ได้ เมื่อถามว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลด้านการข่าวครั้งนี้เพื่อเป็นการล้มแผนของผู้ก่อเหตุ หรือ จะเป็นให้ค่ากับกลุ่มก่อเหตุมากเกินไปหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า คงไม่ใช่ ซึ่งการออกมาเปิดเผยในการทำให้สังคมได้รับรูมีข้อดีคือความกระตือรือร้นของทุกฝ่ายที่ทราบข้อมูลช่วยมองเป้าหมายให้ถูก แต่ถ้าจะบอกว่าเราเข้มงวดช่วงนี่บางทีก็ไม่รู้ แต่ถ้ามองเป้าถูก ก็จะทำให้เราควานหาปัญหาให้ง่ายขึ้น อย่างที่สองคือสังคมจะได้เป็นหูเป็นเป็นตา แต่ตนยังไม่กล้าไปยืนยันว่าวัตถุประสงค์คืออะไร เวลานี้โลกเราเป็นสากลเจอปัญหาเหมือนๆกัน