สำหรับงาน Thailand Tourism Forum 2023 หรือ TTF 2023 เป็นสุดยอดการประชุมสัมมนาของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 12 ภายใต้คอนเซปต์ Innovation in Hospitality มุ่งเน้นประเด็นความสำคัญ ปัญหา และทางออกของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการของประเทศไทยหลังไวรัสมฤตยูระบาด รวมถึงแนวคิดการปรับตัวการท่องเที่ยวไทยและสร้างภูมิทัศน์ด้านการบริการแบบใหม่ สู่การพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทยให้เป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง ทั้งการสร้างแบรนด์ การออกแบบ เทคโนโลยี วัฒนธรรม และสุขภาพที่ดี

แก้ไขแรงงานที่หายไปช่วงโควิด

โดย นายบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส หัวเรือใหญ่ในการจัดงานครั้งนี้ กล่าวว่า ความท้าทายสำคัญอีกประการในธุรกิจการบริการที่ต้องให้ความสนใจคือ คนทำงาน ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แรงงานด้านการท่องเที่ยวกว่า 1.45 ล้านคนได้หายไปจากอุตสาหกรรมนี้ ดังนั้นพันธกิจทางด้านโรงแรมจึงต้องคิดค้นผลิตภัณฑ์และนำคนที่ดีและเก่งที่สุดกลับคืนสู่อุตสาหกรรมอีกครั้ง แม้จะต้องจ่ายค่าจ้างที่สูงขึ้น และถึงเวลาแล้วที่โรงแรมในประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนแปลงรับกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค

ขณะที่ทาง STR GLOBAL นักวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรมโรงแรม ได้นำเสนอข้อมูลสำคัญล่าสุด รวมถึงตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในไทยในปีนี้ ด้วยข้อมูลที่ระบุ ว่า การท่องเที่ยวภาคใต้ของไทยกำลังมีฐานธุรกิจที่ดีจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ อัตราการเข้าพักในช่วง 90 วันข้างหน้า (นับจากวันที่ 2 มกราคม 2566) แบ่งตามจุดหมายปลายทาง ดังนี้ ชะอำ/หัวหิน ยอดจองมากกว่า 50% กรุงเทพฯ และพัทยา ยอดจองมากกว่า 70% พัทยา และภาคใต้ของไทยยอดจองมากกว่า 75% เมื่อเปรียบเทียบยอดเข้าพักของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันหยุดยาว (วันที่ 28 กันยายน –วันที่ 9 ตุลาคม) ในขณะที่ยอดนักท่องเที่ยวจีนไต่ระดับขึ้นตามอัตราฟื้นตัวในปี 2566 แม้จะยังไม่โดดเด่นในช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลตรุษจีนนี้ แต่ก็เห็นสัญญาณที่ดีของธุรกิจการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ผู้ประกอบการต้องสริมแกร่งบริการ

ทั้งนี้  นางวัลลภา ไตรโสรัส  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน)หรือ AWC กล่าวว่า หลังจากประชาชนจีน ออกเดินทางอีกครั้ง ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ  ซึ่งในฐานะผู้ประกอบการจะต้องสริมความแข็งแกร่งด้านบริการ คุณภาพ มาตรฐาน สุขอนามัย และมอบประสบการณ์ความสุขให้แก่นักท่องเที่ยว แต่เมื่อดูข้อมูลเชิงลึก พบว่าผู้ที่เดินทางส่วนใหญ่ยังเป็นนักท่องเที่ยวอิสระ เที่ยวเองหรือ FIT ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมาเป็นกลุ่มใหญ่มากนัก อีกทั้งยอดการจองห้องพัก จุดหมายปลายทางที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน หลักๆยังเป็นโรงแรมที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ ดังนั้นจึงต้องรอจังหวะการฟื้นตัวอีกครั้ง จากนักท่องเที่ยวจีน-ญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม นางวัลลภา ยังกล่าวถึงนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT จาก จีนซึ่ง จะเข้ามาเป็นกลุ่มแรกนั้น มีสิ่งที่น่าสนใจคือการใช้จ่ายอยู่ในระดับสูง และภาพรวมของนักเดินทางที่เข้าพักโรงแรม รีสอร์ท ของ AWC ค่อนข้างเป็นกลุ่มคนมีกำลังซื้อสูง ทำให้ภาพรวมการทำเงินต่อห้องพักอยู่ในระดับสูงกว่าปี 2562  ซึ่งในกลุ่ม AWC มีนักท่องเที่ยวจีนเป็นฐานลูกค้ากว่า 10% เมื่อกลุ่ม FIT เข้ามา ทำให้สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนยังอยู่ระดับ 10% และคาดหวังเดือนมีนาคม 2566 นักท่องเที่ยวจีนแบบกลุ่มจะกลับมาอีกครั้ง

นทท.จีนน่าจะเห็นชัดกลางปี 2566

ด้านนางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พราวกรุ๊ป กล่าวว่า เมื่อนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเยือนไทย ย่อมทำให้ภาพรวมอุตสากรรมการท่องเที่ยวฟื้นตัว และมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ยอมรับว่าในฐานะผู้ประกอบการ คาดหวังที่จะเห็นนักท่องเที่ยวเข้ามาในไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา พอเข้ามาไตรมาส1 ยังคาดยอดนักเดินทางทะลัก แต่ในความเป็นจริง สถานการณ์ดังกล่าวจะเห็นในช่วงครึ่งปีหลัง 2566

ดังนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวจีนกลับมาช้ากว่าที่คาดการณ์ จึงทำให้บริษัทต้องโฟกัสตลาดใหม่มากขึ้น โดยที่ผ่านมาจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศ รัสเซีย และกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งมีส่วนทำให้บริษัทสามารถดำเนินกาตลาดไปได้อย่างไม่สะดุด ด้วยมีความยืดหยุ่นในการรักษากลุ่มเป้าหมายไว้นั้นเอง ดังนั้นแม้จีนจะกลับมาในอนาคต แต่ก็จะยืดหยุ่นในการจับกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายที่มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อลดอัตราความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นนั้นเอง

สำหรับ โฮ เรน ยัง รองประธานอาวุโส แบรนด์และการตลาด กลุ่มบันยันทรี กล่าวว่า ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ระบาด บันยันทรี มีนักท่องเที่ยวจีนเป็นฐานลูกค้าสำคัญสัดส่วน 1 ใน 3  ซึ่งเวลานี้หลังจากจีนเริ่มออกเดินทางอีกครั้งเริ่มเห็นตัวเลขการจองห้องพักที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป มียอดบุ๊กกิ้งที่โตขึ้น แต่ส่วนหนึ่งจะยังคงรักษาความหลากหลายของลูกค้าเหมือนตอนโควิดระบาด

ด้านลิซ เพอร์กินส์ รองประธาน การจัดการรายได้และบริการเชิงพาณิชย์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ฮิลตัน กล่าวว่า ปี 2566 คาดการณ์นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเยือนไทยราว 5 ล้านคน ซึ่งมีความสำคัญมากกับอุตสาหกรรมโรงแรมเป็นอย่างมาก ซึ่งการนำนวัตกรรมเข้ามาปรับใช้ อย่างโรงแรม นำระบบดิจิทัลให้ลูกค้าเช็กอินด้วยตัวเอง และฝึกอบรมพนักงานให้พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ถือเป็นเรื่องที่จะต้องเตรียมความพร้อมกันอย่างเต็มที่