ด้วยประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว ซึ่งอุตสาหกรรมไมซ์ อุตสาหกรรมอาหารถือเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และสร้างรายได้อันดับต้นๆ ให้แก่ประเทศ  โดยแต่ละปีเมืองไทยมีร้านอาหารใหม่ๆ เปิดตัวขึ้นและนำเสนอรูปแบบและประเภทอาหารที่หลากหลาย ทั้ง Fine Dining สตรีทฟู้ด   และมีร้านอาหารในไทยหลายร้านได้คว้ารางวัล ‘ดาวมิชลิน’ เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี ดังนั้นทางบริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) จึงมองว่า อุตสาหกรรมอาหารเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ไทยเองกลับมีโรงเรียนสอนประกอบอาหารจำนวนไม่มาก จึงได้ทำสัญญากับเลอโนท ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อนำโรงเรียนสอนทำอาหารมีชื่อเสียงที่สุดในโลกจาก เลอโนท ปารีส ประเทศฝรั่งเศส มาเปิดให้บริการที่ประเทศไทย ภายใต้ชื่อ โรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเลอโนท ปารีส  ประเทศฝรั่งเศส

ชูจุดเด่นด้วยหลักสูตรเมนูคาว-หวาน

นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  บริษัทได้เริ่มก่อสร้างโรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย ตั้งแต่ปลายปี 2564 บนพื้นที่ริมทะเลสาบเมืองทองธานี ด้วยงบลงทุน 800-1,000 ล้านบาทครอบคลุมการสร้างอาคารเรียนและวางระบบปฏิบัติการทั้งหมด ชูจุดเด่นด้วยหลักสูตร อาหารคาว ขนมอบ ขนมปังครบ  หวังดึงผู้สนใจทำอาหารแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอิมพอร์ตทีมสอนส่งตรงจากฝรั่งเศส จูงใจผู้สนใจทำอาหารทั่วเอเซียไม่ต้องบินไปไกล

สำหรับโรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย มุ่งมั่นจะถ่ายทอดทักษะการทำอาหารจากทีมเชฟผู้สอนมืออาชีพ มุ่งเน้นด้านคุณค่าความเป็นเลิศในการประกอบอาหาร สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนจากทุกภาคส่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เป็นอย่างดี เพื่อถ่ายทอดให้นักเรียนทุกคนได้เรียนรู้ และมีประสบการณ์จากการลงมือทำจริงทุกขั้นตอน

เป็นโอกาสดีของผู้ที่สนใจทำอาหาร

ซึ่ง นายพอลล์  กล่าวว่า  การเปิดตัว เลอโนท ประเทศไทย ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้สนใจด้านการทำอาหารชาวไทยและชาวเอเซีย จะได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมการทำอาหารตามแบบฉบับของฝรั่งเศส ที่ถูกถ่ายทอดโดยเชฟผู้มีประสบการณ์จากเลอโนท ปารีส ประเทศฝรั่งเศสโดยตรง ความโดดเด่นระหว่างหลักสูตรของ เลอโนท กับโรงเรียนสอนประกอบอาหารอื่นๆ คือ เลอโนท ไม่ได้มุ่งสอนให้ผู้เรียนเป็นสตาร์เชฟ แต่สอนทักษะการทำอาหารตามแบบฉบับของฝรั่งเศสที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อสร้างพื้นฐานที่ดีให้แก่นักเรียนของเลอโนททุกคน นำไปสู่การพัฒนาวงการอาหารต่อไป

ทั้งนี้ โรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย จัดหลักสูตรทำอาหารทั้งแบบหลักสูตรประกาศนียบัตรและหลักสูตรระยะสั้น เพื่อให้สอดรับกับทุกความต้องการของนักเรียนที่แตกต่างกัน ซึ่งการฝึกอบรมทั้งหมดนี้จะได้รับการถ่ายทอดจากทีมผู้สอนและเชฟมืออาชีพชาวฝรั่งเศสที่ได้รับการฝึกฝนและยึดมั่นในหลักการปฏิบัติจาก เลอโนท ปารีส

โดยการเรียน แบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่  1.หลักสูตรประกาศนียบัตร แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่  1)การประกอบอาหารคาว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเชฟมืออาชีพ หรือต้องการเปลี่ยนอาชีพมาสู่การเป็นเชฟผู้เชี่ยวชาญในการผลิตและการจัดการอาหารประเภทอาหารคาวโดยเฉพาะ ใช้ระยะเวลาในการเรียนจำนวน 840 ชั่วโมง 2)การทำขนมอบ  เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเชฟมืออาชีพในการผลิตขนมอบหรือการจัดการอาหารประเภทขนมอบโดยเฉพาะ ใช้ระยะเวลาในการเรียนจำนวน 840 ชั่วโมง   3)การทำขนมปัง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเชฟมืออาชีพในการผลิตหรือการจัดการอาหารประเภทขนมปังโดยเฉพาะใช้ระยะเวลาในการเรียนจำนวน 520 ชั่วโมง ส่วนที่ 2 หลักสูตรระยะสั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานในด้านการประกอบอาหารหรือขนมมาก่อน ไปจนถึงผู้เรียนระดับมืออาชีพที่ต้องการเสริมทักษะเพื่อนำไปใช้ต่อยอดธุรกิจ รวมทั้ง ยังมีการฝึกอบรมในหัวข้อพิเศษตามฤดูกาลและเทศกาลต่างๆ ที่ใช้ระยะเวลาในการเรียนจำนวน 4 ชั่วโมงขึ้นไป

เป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการเพิ่มทักษะ

โดย นายพอลล์ กล่าวต่อว่า ในทุกๆ ปี บริษัทได้ลงทุนในธุรกิจอาหารของบริษัทในเครือ ไม่ต่ำกว่าปีละ 2,000 ล้านบาทในทุกส่วน ทั้งการขยายสาขา วิจัย พัฒนาเมนูอาหารใหม่ๆ   รวมถึงการพัฒนาด้านบุคลากร เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทุกมิติให้แก่ธุรกิจของ บมจ.บางกอกแลนด์ และยังคงมุ่งมั่นลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าธุรกิจอาหารจะเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตที่ดีในอนาคต โดยการเปิดโรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย  ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการเพิ่มทักษะและการสร้างมาตรฐานที่ดีให้แก่บุคลากรของ บมจ.บางกอกแลนด์ และเป็นหมุดหมายแห่งใหม่ของผู้คน ที่จะหลั่งไหลเข้ามาเติมสีสันให้เมืองทองธานี นอกเหนือจากศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ศูนย์การค้าคอสโมบาซาร์ และเอาท์เลตสแควร์ เมืองทอง

ซึ่ง เลอโนท ประเทศไทย ถือเป็นสาขาแรกนอกประเทศฝรั่งเศส และสาขาแรกของภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นสาขาที่ 2 ของโลก ดังนั้นจึงเป็นส่วนสำคัญในการเติมความแข็งแกร่ง และตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทย  และเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ คือ การท่องเที่ยวเชิงอุตสาหกรรมอาหาร  ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยต่อไป