ก่อนจะเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายชิงชัยในการเป็นเเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand กับ 4 ประเทศเดือนมิถุนายนนี้ ทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือรวมพลังปลุกกระแสการสนับสนุนดังกล่าว ให้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมทั้งเน้นย้ำและสร้างความมั่นใจให้แก่คณะกรรมการจากองค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau International des Expositions หรือ BIE) และประเทศสมาชิกรวมกว่า 171 ประเทศ

รวมพลังสร้างการรับรู้

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนประเทศไทยและจังหวัดภูเก็ตในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand ผ่านการสร้างการรับรู้และขอความร่วมมือไปยังเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด Connect the Dots รวมพลังในการเชื่อมต่อเพื่อสร้างการรับรู้ให้บรรลุผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม

ซึ่งจะได้ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับ กกร.จังหวัดภูเก็ต และ กกร.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ภูเก็ต ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และ สตูล ในการเตรียมความพร้อมในการสร้างการมีส่วนร่วมและการรับรู้ในการดำเนินกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างโอกาสให้ประเทศไทยในการได้รับคัดเลือกเป็นเจ้าภาพการจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand อีกทั้งจะขอความร่วมมือจาก กกร.ในทุกจังหวัดของไทย และกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) ของหอการค้าไทย  เพื่อให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในทุก ๆ มิติ  

สื่อสารไปทุกกลุ่มเป้าหมาย

ด้าน นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ทีเส็บส่งเสริมทุกภาคส่วนในการสนับสนุนประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand ซึ่งความร่วมมือกับกกร. นับเป็นความร่วมมือสำคัญจากภาคเอกชน โดยจะร่วมกันหารือเอกชน และสื่อสารประชาสัมพันธ์การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand ไปยังทุกกลุ่มเป้าหมาย อาทิ การร่วมจัดเวทีหารือความร่วมมือ การพัฒนาสื่อสนับสนุนฯ เช่น การพัฒนา Supporting Feature บนเว็บไซต์ เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนชาวไทยแสดงพลังร่วมสนับสนุนโครงการ การเผยแพร่ตราสัญลักษณ์ แบนเนอร์ วีดิทัศน์ เพื่อสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญของประเทศ

ก่อให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจ

โดยประเทศไทยได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ (Specialised Expo) ภายใต้ชื่อ เอ็กซ์โป 2028 ภูเก็ต ประเทศไทย หรือ Expo 2028 Phuket Thailand ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม –วันที่ 17 มิถุนายน 2571 บนพื้นที่ 141 ไร่ ในตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ภายใต้แนวคิด Future of Life: Living in Harmony, Sharing Prosperity หรือ ชีวิตแห่งอนาคต แบ่งปันความรุ่งเรือง อยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งถ้าได้สิทธิเป็นเจ้าภาพจะได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ นวัตกรรมในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ก่อให้เกิดการขยายตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจ เพิ่มอัตราการจ้างงาน ด้านท่องเที่ยวและไมซ์ ตลอดจนเพิ่มศักยภาพและยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้านสังคม เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค การพัฒนาคุณภาพชีวิต และการพัฒนาบุคลากรที่ยั่งยืนของคนในพื้นที่

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ โดยมีหน่วยงานที่ต้องดำเนินงานร่วมกัน คือ กระทรวงสาธารณสุขในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพการจัดงาน จังหวัดภูเก็ตในฐานะเมืองเจ้าภาพ กระทรวงการต่างประเทศในฐานะหน่วยงานหลักในการรณรงค์หาเสียงกับประเทศต่าง ๆ กระทรวงพาณิชย์ในฐานะสมาชิกอย่างเป็นทางการของ BIE และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในฐานะหน่วยงานหลักด้านการประชาสัมพันธ์ความพร้อมของประเทศ

ขณะที่ทีเส็บเป็นหน่วยงานหลักในการเสนอเป็นเจ้าภาพดำเนินกิจกรรมตามข้อกำหนดของ BIE ซึ่งกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นต่อไปในช่วงโค้งสุดท้าย คือ การจัดกิจกรรม Expo 2028 Phuket Thailand Symposia ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยเชิญคณะผู้แทนถาวรของประเทศสมาชิก BIE ในกรุงปารีสเข้าร่วม และเชิญผู้ทรงคุณวุฒิของประเทศไทยในสาขาที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดการจัดงานมาแสดงทรรศนะและจุดยืนของไทย รวมถึงการจัดกิจกรรมประชุม สัมมนา กลุ่มย่อย  ในแต่ละกลุ่มประเทศ

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะดึงผู้เข้าร่วมงานได้ถึง 4.92 ล้านคน มีผู้เข้าชมหมุนเวียนประมาณ 7 ล้านคน จาก 106 ประเทศ ก่อให้เกิดเงินสะพัดระหว่างการจัดงาน 49,231 ล้านบาท มีมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP มากกว่า 39,357 ล้านบาท เกิดรายได้จากการจัดเก็บภาษีกว่า 9,512 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานมากกว่า 113,439 ตำแหน่ง หากประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งนี้ นับเป็นการจัดงานเอ็กซ์โประดับโลกครั้งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้

ในปัจจุบัน ประเทศไทยได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายร่วมกับอีก 4 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา เซอร์เบีย สเปน และอาร์เจนติน่า ซึ่งผู้แทนจากประเทศสมาชิก BIE 171 ประเทศ จะคัดเลือกประเทศเจ้าภาพการจัดงานและจะประกาศผลประเทศที่ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพในเดือนมิถุนายนปีนี้