ชาวตรังกว่า 3 หมื่นพร้อมใจสวมชุดดำ ร่วมกิจกรรมถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ผู้ว่าฯหลั่งน้ำตาอ่านคำอาลัย ขณะที่ “ชวน หลีกภัย” นำกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เมื่อเวลา 05.00น. วันที่ 16 ต.ค.59 นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า วันนี้จังหวัดตรังพร้อมที่จะจัดกิจกรรมให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ โดยเชิญชวนให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า รวมพลังถวายอาลัย แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง ตั้งแต่เวลา 09.00 น.โดยทางจังหวัดมีการ จัดตั้งโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์เพิ่มเติมยังสถานที่ที่เหมาะสมและสมพระเกียรติ และจัดนิทรรศการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระองค์ท่าน “และเพื่ออำนวยความสะดวกแต่ประชาชนร่วมกิจกรรมทางจังหวัดประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม เช่น จัดน้ำดื่ม รถสุขาเคลื่อนที่ การจราจร บริการตรวจสุขภาพให้กับประชาชนด้วย คาดว่าจะมีประชาชนร่วมถวายอาลัยฯ กว่าหมื่นคน” นายศิริพัฒ กล่าว ขณะที่ พล.ต.ต. พ.ต.อ.สมพงศ์ ทองใบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง กล่าวว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางมารวมพลังถวายอาลัย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทางตำรวจภูธรปิดถนนตั้งแต่ 06.30 -12.00 น. หรือจนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ ดังนี้ 1 แยกไทยพานิชย์ (ถนนรัษฎา)2 แยกซอย5,6 (ถนนวิเศษกุล)3 แยกกันตังขาขึ้นพระราม 64 แยกวิเศษกุล ขาเข้ามาหน้าอำเภอ5 แยกน้ำพุขาเข้าพ้อย6 แยกวิเชียรเก่าขาเข้าถนนเจิมปัญญาโดยขอความร่วมมือห้ามจอดรถบนถนนและบนทางเท้าในเส้นทางที่ปิด ดังนี้1 ถ.เจิมปัญญา ตลอดสาย2 ถ.รัษฎา (แยกพรถึงหน้า ธ.ไทยพานิช)3 ถ.พระราม 6 ตลอดสาย4 ถ.วิเศษกุล (แยกโกกุนถึงหน้าวัดควน)5 ถนนรื่นรมย์(พ้อย) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศของประชาชนชาวจังหวัดที่เดินทางมาจากทั่วทั้งจังหวัดตั้งแต่เตรู่ บางคนเดินทางมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อจองสถานที่ด้านหน้าพิธี ทุกคนต่างแต่งกายด้วยชุดดำบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศก ทยอยมาจนเป็นจำนวนกว่า 3 หมื่นคน จากนั้นเวลา 09.30 น. นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ กาญจน ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดตรัง นางชื่นอารีย์ ชุ่มจิตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวตรัง นายสายัณห์ อินทรภักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พล.ต.ท.สาคร ทองมุนี ผบช.ภ.9 พล.ต.ต. พ.ต.อ.สมพงศ์ ทองใบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง นายแพทย์สุกิจ อัตโถปกรณ์ นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ นายสาทิตย์ วงค์หนองเตย นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมบรรกาหัวหน้าราชส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน เดินทางมายังบริเวณที่ประกอบพิธี ต่อมาเวลา 10.00น. นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง อ่านคำถวายอาลัย ในข้อความบางตอนถึงกับหลั่งน้ำตา สร้างความสะเทือนใจต่อหน้าประชาชนเป็นอย่างยิ่ง นายชวน หลีกภัย กล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ขณะนี้ทรงยึดมั่นความถูกต้องเป็นหลัก หัวใจของการปกครองระบอบประชาธิปไตย คือการยึดมั่นความถูกต้องยึดหลักยึดหลักอย่างแน่นอน สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์ท่านคือนักประชาธิปไตย ผู้ปฎิบัติไม่ได้ยึดทฤษฎี และไม่ปฎิบัติอันทำให้บ้านเมืองมีปัญหา แต่ในหลวงยึดทั้งทฤษฎีและปฎิบัติ ของพระองค์ท่าน “วันนี้นักโภชนาการได้แนะนำคนไทยในการบริโภคอาหารให้กินปลา แต่ในหลวงของเราทรงนำปลานิลมาเลี้ยง เมื่อได้รับพระราชทานปลานิลจากมกุฎราชกุมารจากประเทศญี่ปุ่น นำมาเลี้ยงและขยายพันธุ์ไปทั่วประเทศ และได้รับประทานปลานิล เหมือนอย่างเด็กทุกคนที่ได้ดื่มนมสดในขณะนี้ มาจากพระองค์ท่านทั้งสิ้น เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในจำนวนอีกมากมายที่ในหลวงของเราได้ทรงปฎิบัติเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน คุณูปการที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ ไม่อาจที่จะผ่านพ้นไปได้” นายชวน กล่าว นายชวน กล่าวอีกว่า เราตระหนักดีว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย วันหนึ่งคนทุกคนในที่นี้ก็เป็นเช่นนั้น แต่คนไทยไม่อาจรับสภาพที่เกิดขึ้นได้ ด้วยพระองค์ท่านอยู่กับคนไทยมายาวนานของประเทศไทย วันนี้เกิดขึ้นแล้วและจะไม่กลับมาอีก พระองค์ท่านไม่เสด็จกลับมาอีก สิ่งที่ยังคงเหลืออยู่คือ พระบรมราโชวาท ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะไม่เห็นเป็นตัววัตถุเหมือนตึกรามบ้านช่อง สิ่งของแต่สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่จะถ่ายทอดให้กับคนไทยรุ่นต่อไป ยึดมั่นที่พระองค์รับสั่งเตือนคไทยว่า พระองค์ท่านจะมีความสุขก็ต่อเมื่อบ้านเมืองเป็นปกติเรียบร้อย ก็ต่อเมื่อบุคคลในฐานตำแหน่งและคนทั่วไปทบทวนตัวเองว่า มีหน้าที่ทำอะไร และทำสิ่งนั้นด้วยความซื่อตรง สุจริต แล้วบ้านเมืองเราก็จะมีความเจริญรุ่งเรือง “เหมือนกับที่พระองค์ท่านมองเห็นสัจธรรมความจริงว่า บ้านเมืองมีทั้งคนดีและไม่ดี ไม่มีใครสามารถทำให้เป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองเป็นปกติเรียบร้อย จึงไม่ได้ทำให้คนดีไปเสียทั้งหมด แต่ส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง ไม่ให้คนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังคงปรากอยู่ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งพระบรมราโชวาทนี้ คุณค่าของพระบรมราโชวาท คำสั่งสอนนั้นเป็นสมบัติอันยิ่งใหญ่ ล้ำค่า ที่ไม่มีวันสูญหายไปไหน” นายชวน กล่าวในที่สุด