สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวรายย่อย (Retail) จำนวนกว่า 10 ราย ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนและประชุมหารือกับกรมการท่องเที่ยว เพื่อให้ดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัททัวร์รายใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งมีพฤติกรรมไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงกับบริษัททัวร์รายย่อย ส่งผลให้บริษัททัวร์รายย่อยต้องรับผิดชอบจัดทัวร์ขึ้นใหม่หรือคืนค่าทัวร์ให้แก่ลูกค้า สร้างความเสียหายมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท

วันที่ 16 ก.พ.66 นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ในฐานะนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง ได้กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ว่า ได้ มอบหมายให้นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สาขากรุงเทพมหานคร ออกคำสั่งให้บริษัททัวร์รายใหญ่ดังกล่าวเข้าพบในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการกระทำใดที่ผิดตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือไม่มาพบตามคำสั่ง จะมีบทลงโทษสูงสุดถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว และหากพบว่ามีการกระทำใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวตามมาตรา 24 กรมการท่องเที่ยวจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเป็นคดีอาญา ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท

ทั้งนี้ กรมการท่องเที่ยวขอเรียนว่า พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ฯ ฉบับนี้ มีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองนักท่องเที่ยวจากการเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี จากลักษณะปัญหานี้กรมการท่องเที่ยวจะหาแนวทางป้องกัน ซึ่งอาจจำเป็นต้องพิจารณาปรับปรุงหรือมีมาตรการทางกฎหมายต่อไป