"ประวิช"นำถกแถลงเรื่องการออกเสียงประชามติ เผยการออกเสียงครั้งนี้สำคัญต่อบ้านเมือง ตั้งเป้าให้มีบัตรเสียแค่ร้อยละ 3 แจงกรณีพรรคเพื่อไทยพบมีการส่งข้อความสนับสนุนร่างรธน. เมื่อเวลา 9.00 น.วันที่ 29 ก.ค.59 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในการบรรยาย และนำถกแถลงให้กับนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 7 (พตส.7) เรื่อง การออกเสียงประชามติ On the road to referendum นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า การออกเสียงประชามติเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของบ้านเมือง ซึ่งหน่วยงานของ กกต.จะต้องยึดหลักสุจริต โปร่งใส และเที่ยงธรรม โดยการทำประชามติครั้งนี้ กกต.มีหน้าที่กำหนดวันเวลาในการออกเสียง และทำหน้าที่เผยแพร่กระบวนการ รณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ 80% ซึ่งขณะนี้ยังคงเดินหน้าตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ของ กกต.ครั้งนี้ มีเครือข่ายเข้าร่วม อาทิ กศน. พลเมืองอาสาของ กกต. รด.จิตอาสา และศูนย์ศึกษาประชาธิปไตยตำบล และย้ำว่าประชาชน สามารถเผยแพร่และแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ตามมาตรา 7 แต่ต้องอยู่ในกรอบการกำหนดโทษของมาตรา 61 ตามพรบ.ประชามติกำหนด โดย กกต. ตั้งเป้าให้การออกเสียงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม นี้ มีบัตรเสียงเพียงร้อยละ 3 เท่านั้น พร้อมย้ำเตือนกับผู้มีสิทธิออกเสียงว่า ห้ามถ่ายรูปเซลฟี่บริเวณภายในคูหาออกเสียงฯ แต่สามารถทำหน้าที่พลเมืองดีในการถ่ายภาพหรือคลิปวิดีโอแจ้งพฤติกรรมความผิดปกติบริเวณนอกหน่วยออกเเสียงได้ ส่วนการจัดเวทีแสดงความคิดเห็นในทุกจังหวัดทั่วประเทศนั้น นายประวิช กล่าวว่า สามารถจัดได้ทันก่อนถึงวันออกเสียงประชามติ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคการเมืองแสดงจุดยืนชัดเจนว่ารับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ นายประวิชกล่าวว่าถือเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล เพียงแค่ยุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลสำคัญเท่านั้น แต่ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พูดหรือแสดงความคิดเห็นออกมา และเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการตัดสินใจของประชาชน ทั้งนี้มองว่าฝ่ายที่แสดงจุดยืนว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นไม่ใช่การชี้นำ ทุกคนเป็นพลเมืองเหมือนกัน ซึ่งทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น ส่วนในกรณีของพรรคเพื่อไทยนั้น ที่พบว่ามีการส่งข้อความสนับสนุนเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีเนื้อหาเป็นเท็จ 6 ข้อ นายประวิช กล่าวว่าส่วนตัวยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากผู้ใดพบเห็นสามารถแจ้งความร้องทุกข์หรือกล่าวโทษได้ทันที ไม่ต้องมาร้องที่กกต. หรือหน่วยงานใด เพราะพรบ.ที่ทางกกต.รับผิดชอบนั้น มีโทษทางอาญา