สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวภาพรวมยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยแล้วในวันที่ 1 มกราคม –วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 จำนวน 4.2 ล้านคน สร้างรายได้มากกว่า 1.42 แสนล้านบาท ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวยุโรปถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูง โดยภายในปีนี้ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยแล้วกว่า 1.3 ล้านคน ทั้งนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ฟื้นตัวกลับมาร้อยละ 80 ของปี 2562 หรือมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25 - 30 ล้านคน สร้างรายได้รวม 1.5ล้านล้านบาท ควบคู่ไปกับการเติบโตของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน

เปิดบริการโรงแรมภายในประเทศเพิ่ม

ในเรื่องนี้ นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราเ กล่าวว่า เซ็นทาราคาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ย ในปี พ.ศ. 2566 จะอยู่ที่ 65% - 72% และรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) เติบโต 30% - 37% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3,250 – 3,400 บาท โดยการเติบโตของ RevPar มาจากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้น และราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโรงแรมต่างประเทศ เช่นที่ในมัลดีฟส์ ดูไบและญี่ปุ่นที่ราคาเฉลี่ยสูงกว่าราคาห้องพักในประเทศไทย  

สำหรับแผนการขยายโรงแรมในไทยในปีนี้ เซ็นทาราเดินหน้าตอกย้ำความเป็นเครือโรงแรมชั้นนำ ด้วยการเตรียมพร้อมเปิดให้บริการโรงแรมภายในประเทศเพิ่ม 5 แห่ง ได้แก่ ในอุบลราชธานี จำนวน 160 ห้องพัก (เปิดให้บริการวันที่ 10 มีนาคม), ระยอง จำนวน 200 ห้องพัก (ไตรมาส 3), สุราษฎร์ธานี จำนวน 110 ห้องพัก (ไตรมาส 3), อยุธยา จำนวน 224 ห้องพัก (ไตรมาส 4) และบนเกาะสมุย จำนวน 61 ห้องพัก (ไตรมาส 3) รวมถึงการลงนามสัญญาบริหารโรงแรมเพิ่มอีก 5 แห่งในไทย ที่สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ กระบี่ และเชียงราย

ด้าน นางสาว ชิดชนก พศินพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมอวานี สุขุมวิท กรุงเทพ กล่าวว่า  ปีนี้ภาพรวมจะเป็นกรุ๊ปประชุมและสัมมนา ซึ่งช่วงไตรมาแรกจะได้นักท่องเที่ยวในช่วงวันตรุษจีน เป็นกลุ่มตลาด reginal (ภูมิภาค) เช่นจาก ญี่ปุ่น , จีน, เยอรมัน ,ไทย , อังกฤษ เป็นต้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้นักท่องเที่ยวจีน ไต้หวันมาในจำนวนเป็นที่น่าพอใจ โดยอัตราการเข้าพักช่วงเดือนมกราคมใกล้ถึง 80% จะมียอดโตในช่วง 2 สัปดาห์แรก จนมาวันตรุษจีนอัตราการเข้าพักเกิน 80% 

ซึ่งในปี 2566 ได้มุ่งไปที่ตลาดเป้าหมายหลัก คือ สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลี จีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น โดยเป็นกลุ่มประเทศที่มาเป็นจำนวนมากที่สุดในช่วงนี้  โดยเฉพาะฮ่องกง และเกาหลีจะเป็นกลุ่มเอฟไอทีที่มาเที่ยวเอง มาช้อปปิ้ง รวมไปถึงกลุ่มเกาหลีที่เดินทางมาเล่นกอล์ฟ ซึ่งตลาดกลุ่มนี้ก็จะพยายามขยายตลาดต่อไป พร้อมๆ กับต้องตั้งรับกับการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าในกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ที่มีขนาดเล็กลง จากเดิมที่มาแบบหลายๆห้องมาเหลือเพียง 4-5 ห้องต่อกรุ๊ป ดังนั้นโรงแรมจึงต้องปรับตัวไปตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป

ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นคอร์เปอเรท จากผู้บริหาร และทีมงานตามนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นจุดหมายหลักๆ ที่จะเน้นหนักในช่วงนี้ ในปี 2566 นี้ตั้งเป้ากลุ่มไมซ์โตประมาณ 20-25% โดยกำหนดทิศทางไว้ตั้งแต่ ไตรมาส 1 และ 2  ทั้งตำแหน่ง และราคาที่ต้องการ เมื่อถึงไตรมาส 3 ก็จะต้องมั่นคง เพื่อจะได้ดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันราคาห้องพักที่ช่วงเวลานี้เพิ่มขึ้นประมาณ 2-3 เท่า แต่น่าจะขึ้นไปได้อีกประมาณ 15%จากราคาของปี 2565ในช่วงปลายปีนี้

ธุรกิจท่องเที่ยวน่าจะฟื้นตัวปี 2567

ส่วน นายแลร์รี่ คูคูลิค  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บีดับเบิลยูเอช โฮเทล กรุ๊ป กล่าวว่า การทำการตลาดต่อจากนี้ไป ขึ้นอยู่กับรัฐบาลแต่ละประเทศที่จะลดมาตรการในการควบคุมโรคระบาดเป็นไปในทิศทางที่เร็วขึ้นอย่างไร เพราะจะทำให้การท่องเที่ยวกลับมาได้เร็วขึ้นเท่านั้น ซึ่งเมื่อคนเดินทางได้เร็วขึ้นก็จะสร้างรายได้กลับมาได้เร็วขึ้นเช่นกัน อย่างเช่นภูมิภาคยุโรป และอเมริกาเหนือ ที่ทางกรุ๊ปทำสำเร็จมาแล้ว ทั้งนี้คาดว่าภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะฟื้นตัวสู่ระดับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ได้ในปี 2567 ทั้งหมด ยังต่ำกว่าก่อนการระบาดของโควิด-19 ประมาณ 5-10%

พร้อมกันนี้ นายรอน โพลล์ ประธานฝ่ายปฏิบัติการระหว่างประเทศ บีดับเบิลยูเอช โฮเทล กรุ๊ป และประธาน เวิลด์ โฮเทล กล่าวว่า ปัจจุบันโรงแรมในกลุ่มหลายแห่งมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องในแต่ละช่วงเวลาตามฤดูกาลท่องเที่ยว รวมถึงอัตราการเข้าพัก สูงกว่าก่อนการระบาดของโควิด-19 ไปแล้ว

ขณะที่รายได้ห้องพักเฉลี่ยของห้องพักที่ขายได้ทั้งหมด ยังต่ำกว่าก่อนการระบาดของโควิด-19 ประมาณ 5-10% ซึ่งในปี 2565 ที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของโรงแรมในกลุ่มมีผลประกอบการใกล้เคียงปี 2562 และคาดการณ์ว่าในปี 2566 นี้ ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทจะสูงกว่าก่อนการระบาดของโควิด-19 โดย ในปี 2566 นี้ บริษัทตั้งเป้าขยายพอร์ตจำนวน 40-50 แห่งทั่วโลก ป็นโรงแรมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกประมาณ 15-20 แห่ง และในประเทศไทย 3-5 แห่ง