มูลนิธิคึกฤทธิ์ 80ฯ ประกาศเชิดชูเกียรติ 2ศิลปินพื้นบ้าน “คณะละครชาตรีจงกลโปร่งน้ำใจ” และ “อำไพ บุญรอด” ศิลปินดีเด่นจังหวัดระยอง ผู้พากษ์และเชิดหนังใหญ่วัดบ้านดอน พร้อมด้วย 1ศิลปินแห่งชาติ “อัศศิริ ธรรมโชติ” เจ้าของรางวัลซีไรท์ ปี 2524 นักเขียนหนังสือรวมเรื่องสั้นชื่อ "ขุนทองเจ้าจะกลับมาเมื่อฟ้าสาง” รางวัลคึกฤทธิ์ ประจำปี 2566

17 เม.ย. 66 มูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดโผรายชื่อผู้ได้รางวัลคึกฤทธิ์ ประจำปี 2566 จะมีการมอบรางวัลในวันที่ 20 เมษายนนี้ ณ โรงละครอักษรา คิง พาวเวอร์ ซอยรางน้ำ กรุงเทพฯ โดยปีนี้คณะกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ 80ฯ ได้มีมติปรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้ครอบคลุมศิลปะการแสดงพื้นบ้าน รางวัลคึกฤทธิ์จะแบ่งออกเป็น 2 สาขา ได้แก่ สาขาศิลปะการแสดง ประเภทคณะบุคคล และประเภทรายบุคคล และสาขาวรรณศิลป์ ผลการประกาศรางวัลคึกฤทธิ์ประจำปี 2566 มีดังนี้ สาขาศิลปะการแสดง คณะบุคคลได้แก่ คณะละครชาตรีจงกลโปร่งน้ำใจ เป็นคณะละครชาตรีที่สืบเชื้อสายมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 โดยทางคณะได้อนุรักษ์และทำการแสดงละครชาตรีมาจนถึงปัจจุบัน และรายบุคคล ได้แก่ อำไพ บุญรอด ศิลปินดีเด่นจังหวัดระยอง ผู้พากษ์และเชิดหนังใหญ่วัดบ้านดอนที่มีชื่อเสียงโด่งดังของภาคตะวันออก ส่วนสาขาวรรณศิลป์ ได้แก่ อัศศิริ ธรรมโชติ ศิลปินแห่งชาติ เจ้าของรางวัลซีไรท์ ปี 2524  นักเขียนหนังสือรวมเรื่องสั้นชื่อ "ขุนทอง เจ้าจะกลับมาเมื่อฟ้าสาง”

ทั้งนี้รางวัลคึกฤทธิ์ ถือเป็นรางวัลอันทรงคุณค่าที่เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายจากสาธารณชน โดยรักษาอัตลักษณ์ของ “ความเป็นคึกฤทธิ์” ในแง่ศิลปะที่สอดแทรกความเป็นตัวของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันต้องมีความเป็นอิสระและสามารถพัฒนางานศิลปะในสาขาของตนให้มีคุณค่าต่อสังคม การมอบรางวัลคึกฤทธิ์ได้เริ่มต้นจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2553 โดยในปีนี้เป็นปีที่ 12 (ปี 2564-2565 งดการมอบรางวัล) คณะกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ได้สรรหาบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญและมีผลงานเป็นที่ยอมรับ และมูลนิธิคึกฤทธิ์ 80ฯ คาดหวังการให้รางวัลคึกฤทธิ์เป็นการส่งเสริมสนับสนุนผู้ที่ทำงานด้านศิลปวัฒนธรรมให้มีกำลังใจที่จะดำรงและอนุรักษ์ความเป็นไทยสืบไป