มูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดม่านการแสดงโขนหน้าพระที่นั่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  ครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี 2566 ในชุด “โมกขศักดิ์” โดยคณะโขนเยาวชนจากศูนย์ศิลปะการแสดงสถาบันคึกฤทธิ์ 20 เมษายนนี้ ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ซอยรางน้ำ

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประธานกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 ในพระราชูปถัมภ์ฯ กล่าวถึงการจัดแสดงโขนรามเกียรติ์ ครั้งใหญ่ประจำปี 2566 ชื่อชุด โมกขศักดิ์ จะแสดงหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า มีการเตรียมความพร้อมในการฝึกซ้อมเยาวชนกว่า 300 ชีวิตที่จะขึ้นบนเวทีในครั้งนี้ และในปีนี้ทางสถาบันคึกฤทธิ์ยังเปิดโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานในทุกจุดของโขนรามเกียรติ์ โดยที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะเด็กที่ฝึกรำ ฝึกเล่นโขน เพราะเราเชื่อว่าการสืบทอดศิลปวัฒนธรรมไม่จำเป็นแค่เรียนโขน หรือเล่นดนตรีไทย พวกเขาสามารถเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมผ่านการทำงานได้อีกหลายวิธีหลายรูปแบบ “ในรามเกียรติ์ตอนโมกขศักดิ์ ได้เด็กมัธยมมาเป็นทีมโซเชียล ทีมกราฟฟิคดีไซน์ ที่มาออกแบบเสื้อ กระเป๋าของชำรวยที่ขายในงาน ซึ่งออกมามีสไตล์จนแปลกใจ ขอเพียงเปิดโอกาสให้พวกเขาได้สัมผัสใกล้ชิดกับศิลปวัฒนธรรม เยาวชนเหล่านี้ก็จะเกิดความผูกพันและสืบต่อความสวยงามของศิลปะชาติด้วยตัวเขาเอง”

โขนรามเกียรติ์ตอน “โมกขศักดิ์” เป็นเรื่องราวของกุมภกรรณ พญายักษ์ซึ่งเป็นอนุชาของทศกัณฐ์ กุมภกรรณเป็นพญายักษ์ซึ่งครองธรรม รักษาไว้ซึ่งสัจจะ ทศกัณฐ์เรียกกุมภกรรณมาปรึกษาเรื่องการศึก  กุมภกรรณจึงจำใจรับอาสาออกทำสงคราม โดยจะนำหอกโมกขศักดิ์อันมีฤทธิ์ร้ายกาจออกทำศึก แต่ด้วยเหตุอาเพศที่ต้องเสียสัจสุจริตหอกนั้นกลับเป็นสนิมทั้งสี่คม กุมภกรรณต้องประกอบพิธีลับหอก ริมแม่น้ำใหญ่ โดยจัดสั่งให้ตั้งโรงพิธีพร้อมทั้งเครื่องบูชาตามตำรา และได้สั่งไพร่พลกวดขันดูแลมิให้สิ่งปฏิกูลใดๆ ผ่านเข้ามาเป็นอันขาด ทางฝ่ายพระราม พิเภกกราบทูลว่า สิ่งที่จะทำลายพิธีได้ คือให้หนุมานและองคตแปลงกายเป็นอีกาที่จิกกินซากหมาเน่า ลอยผ่านเข้าไปใกล้บริเวณพิธี เมื่อกุมภกรรณได้กลิ่นก็จะประกอบพิธีต่อมิได้ ถึงกุมภกรรณเสียพิธีแต่ก็ต้องยกทัพออกรบกับพระลักษณ์

ในการรบครั้งนี้ พระลักษณ์เป็นฝ่ายเสียทีถูกหอกโมกขศักดิ์ปักพระอุระจนสลบลง กองทัพของกุมภกรรณจึงกลับเข้ากรุงลงกาอย่างฮึกเฮิม ฝ่ายพิเภกทูลพระรามว่าสรรพยาที่จะแก้ฤทธิ์หอกนี้ได้ คือต้นสังกรณีตรีชวาและน้ำปัญจมหานที แต่ที่สำคัญที่สุดคือถ้าแสงพระอาทิตย์สาดส่องเมื่อใดจะหมดโอกาสแก้ไขได้ หนุมานรับอาสาเหาะขึ้นไปบนฟากฟ้าเข้ายุดรถพระอาทิตย์ จนตนเองต้องพินาศเพราะอำนาจของแสงอาทิตย์ พระอาทิตย์เห็นเหตุการณ์ประหลาดครั้งนี้จึงชุบหนุมานขึ้นมาแล้วถามถึงสาเหตุ ในที่สุดพระอาทิตย์ก็ช่วยเหลือโดยชักรถหลบเข้าไปในกลีบเมฆ หนุมานไปเก็บสรรพยา และน้ำปัญจมหานทีจากกรุงอโยธยามาถวาย จนพระลักษณ์ฟื้นคืนสติ นำกองทัพกลับคืนสู่พลับพลา

การแสดงโขนชุดนี้ ทางศูนย์ศิลปะการแสดงสถาบันคึกฤทธิ์ ได้จัดทำฉากใหม่ เพื่อให้วิจิตรตระการตากับผู้เข้าชม โดยให้อาจารย์ปาน สุธี ปิวรบุตร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปกรรมในการออกแบบและสร้างฉากละคร สํานักการสังคีต กรมศิลปากร มาออกแบบฉากใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ผู้ชมได้อรรถรสให้การชมการแสดงโขนครั้งนี้ ประกอบกับฉากการยกขบวนกองทัพวานร และทัพอสูร ที่ออกแสดงบนเวทีพร้อมกัน จะสร้างปรากฏการณ์ความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีการแสดงประกอบชุดอื่นๆ จากเยาวชนของสถาบันคึกฤทธิ์ อาทิ มโหรีบรรเลงเพลงโหมโรงสามัคคีชุมนุม เพลงถวายพระพร และรำถวายพระพร) โดยการแสดงโขน รามเกียรติ์ ชุด “โมกขศักดิ์” ได้จัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน 2566 จำนวน 2 รอบ รอบบ่าย เวลา 13.30-15.30 น. และรอบค่ำ เวลา 18.00-21.00 น. (รอบเสด็จ) ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ ซอยรางน้ำ นอกจากการแสดงโขนชุดนี้แล้ว ยังสามารถติดตามกิจกรรมการแสดงศิลปะและวัฒนธรรมของไทยได้จากมูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 ฯ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก@kukritinstitute และอื่นๆ