พร้อมเชิดชูเกียรติ 3 ศิลปินรางวัลคึกฤทธิ์ ประจำปี 2566 คณะละครชาตรีจงกลโปร่งน้ำใจ “อำไพ บุญรอด” ผู้พากษ์และเชิดหนังใหญ่วัดบ้านดอน “อัศศิริ ธรรมโชติ” ศิลปินแห่งชาติ นักเขียนรวมเรื่องสั้นชื่อ "ขุนทอง เจ้าจะกลับมาเมื่อฟ้าสาง”

20 เม.ย. 66 มูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้จัดงานวันคึกฤทธิ์ ประจำปี 2566 ซึ่งปีนี้จัดขึ้นที่โรงละครอักษรา คิง พาวเวอร์ กรุงเทพฯ มีพิธีมอบรางวัลคึกฤทธิ์ ประจำปี 2566 โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประธานกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 ฯ เป็นประธานมอบรางวัล กล่าวว่า ปีนี้คณะกรรมการมูลนิธิ 80 ฯ ได้มีมติปรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้ครอบคลุมศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ประเภทคณะบุคคล และรายบุคคล กับสาขาวรรณศิลป์ รวมทั้งสิ้น 3 รางวัล

ผลการประกาศรางวัลคึกฤทธิ์ประจำปี 2566 มีดังนี้ สาขาศิลปะการแสดง ประเภทคณะบุคคลได้แก่ คณะละครชาตรีจงกลโปร่งน้ำใจ ซึ่งเป็นคณะละครชาตรีที่สืบเชื้อสายมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 โดยทางคณะได้อนุรักษ์และทำการแสดงละครชาตรีมาจนถึงปัจจุบัน ประเภทรายบุคคล ได้แก่ อำไพ บุญรอด ศิลปินดีเด่นจังหวัดระยอง ผู้พากษ์และเชิดหนังใหญ่วัดบ้านดอนที่มีชื่อเสียงโด่งดังของภาคตะวันออก ส่วนสาขาวรรณศิลป์ ได้แก่ อัศศิริ ธรรมโชติ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ เจ้าของรางวัลซีไรท์ ปี 2524 นักเขียนรวมเรื่องสั้น "ขุนทอง เจ้าจะกลับมาเมื่อฟ้าสาง”

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวอีกว่า ทางมูลนิธิคึกฤทธิ์ 80 ฯ ได้จัดแสดงโขนรามเกียรติ์ ครั้งใหญ่ประจำปี 2566 ชื่อชุด โมกขศักดิ์ จัดแสดง 2 รอบบ่ายและค่ำ โดยรอบเสด็จฯ แสดงหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ซึ่งการแสดงโขนชุดนี้ทางศูนย์ศิลปะการแสดงสถาบันคึกฤทธิ์ได้เปิดโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่กว่า 300 ชีวิต ฝึกซ้อมและมีส่วนร่วมในการทำงานในทุกจุดของโขนรามเกียรติ์ และทีมงานครูอาจารย์ยังได้จัดทำฉากใหม่ เพื่อให้วิจิตรตระการตากับผู้เข้าชม ประกอบกับฉากการยกขบวนกองทัพวานร และทัพอสูร ที่ออกแสดงบนเวทีพร้อมกัน จะสร้างปรากฏการณ์ความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการแสดงประกอบชุดอื่นๆ อาทิ มโหรีบรรเลงเพลงโหมโรงสามัคคีชุมนุม เพลงรำถวายพระพร

​​​​​​​ ​​​​​​​ ​​​​​​​ ​​​​​​​ ​​​​​​​ ​​​​​​​ ​​​​​​​ ​​​​​​​