เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 29 ก.ค.59 ที่ลานด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร พล.ต.ต.ชินภัทร สารสิน พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.วรวิทย์ ไวยถนอมสัตว์ รอง ผบก.ปส.1 (หน.สนง.ผบช.ปส.) พ.ต.อ.สมิต เชิงสะอาด รอง ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.ณัทณพงศ์ หลิ่มวิรัตน์ ผกก.1 บก.ปส.3 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 3 คดีผู้ต้องหาจำนวน 7 คนพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 287 มัดเศษ รวมประมาณ 574,800 เม็ด ไอซ์ 16.08 กิโลกรัม และของกลางอื่นๆที่ใช้ประกอบการผลิตอีกเป็นจำนวนมาก คดีแรก พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.สมิต เชิงสะอาด รอง ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.ณัทณพงศ์ หลิ่มวิรัตน์ ผกก.1 บก.ปส.3 พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผกก.2 บก.ปส.3 และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ร่วมกันจับกุมตัวนายโชคชัย หรือเล็ก รุ่งแสงโพธิ์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 310/258 ซ.สุขสวัสดิ์ 38 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ พร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 15 ถุงเศษ รวมน้ำหนักประมาณ 15.95 กิโลกรัม ยาบ้าจำนวน 143 มัด รวมประมาณ 288,800 เม็ด รถยนต์ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฆฒ 696 กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง และอุปกรณ์สำหรับผลิตยาเสพติด จำนวน 30 รายการ โดยสามารถจับกุมตัวได้บริเวณป้อมยามหน้า เดอะ เฟิร์ส โฮม วงแหวน – ประชาอุทิศ 76 ต่อเนื่องบ้านเลขที่ 199/211 หมู่ 2 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลา 13.00 น.( 27 ก.ค.) ที่ผ่านมา พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า สืบเนื่องเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายโชคชัย หรือเล็ก อดีตนักโทษเรือนจำบางบอน ข้อหาครอบครองยาบ้าและไอซ์ ไว้เพื่อจำหน่าย และได้พ้นโทษออกมาแล้ว แต่ยังคงมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพซึ่งถือว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ฝั่งธนบุรี และพื้นที่สมุทรปราการ จึงทำการสืบสวนติดตามพฤติการณ์จนกระทั้ง เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ( 27 ก.ค.) เจ้าหน้าที่เชื่อว่านายโชคชัย กำลังลำเลียงยาเสพติดจึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบยาบ้า และไอซ์ ของกลางซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ หลังจากนั้นได้ทำการขยายผลไปตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 199/211 หมู่ 2 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ พบอุปกรณ์การผลิตยาเสพติดของกลาง เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนต่อที่ บช.ปส.3 ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีอาชีพขับวินรถจักรยานยนต์ ย่านที่พัก และยาเสพติดของกลางทั้งหมดเป็นของตนเองซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ย่านฝั่งธน และสมุทรปราการ แต่ในส่วนอุปกรณ์การผลิตที่ตรวจพบนั้นเป็นของเพื่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.3 เพื่อสอบสวนขยายผลติดตามผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป คดีที่2 พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.สมิต เชิงสะอาด รอง ผบก.ปส.3 พ.ต.อ.ณัทณพงศ์ หลิ่มวิรัตน์ ผกก.1 บก.ปส.3 พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผกก.2 บก.ปส.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ประชาชื่น ร่วมกันจับกุมตัวนายนิรุต หรือ ท็อป เจิมศรี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 ซ.ศิริเกษม19 แยก 2 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 161/2559 ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2559 ข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย น.ส.พรรณวดี หรือใหม่ เจริญด้วยปัญญา อายุ 29 ปี ซ.ประทีปแสน ถ.ท่าดินแดง แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ และน.ส.อำไพ หนูสมจิต อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 225/74 ซ.สิทธิชัย แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 0.49 กรัม อาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ แบบลูกโม่ ขนาด.38 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 6 นัด โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยสามารถจับกุมตัวได้บริเวณ หน้าบ้านเลขที่ 225/74 ซ.กรุงเทพฯ-นนทบุรี 56 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 18.00น. ( 27 ก.ค.) ที่ผ่านมา พล.ต.ต.พรชัย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่านายนิรุต ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 161/2559 ได้หลบหนีมาพักอยู่บ้านแถวในซอยกรุงเทพฯ-นนทบุรี 56 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ จึงลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว จนเวลา 18.00น. ( 27 ก.ค.) เจ้าหน้าที่พบนายนิรุต ขับรถยนต์เบนซ์ เข้ามาจอดที่หน้าบ้านเลขที่ 225/74 ซ.กรุงเทพฯ-นนทบุรี 56 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ โดยมีน.ส.พรรณวดี นั่งมาด้วย เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดและขอตรวจค้นแต่ทั้งสองไม่ยอมเปิดประตูรถ ระหว่างนั้นได้มีน.ส.อำไพ เดินมาที่รถแล้วแอบหยิบซองพลาสติกที่บรรจุยาไอซ์ ของกลางจากน.ส.พรรณวดี ไปก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไปที่ห้องน้ำภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปตรวจยึดยาไอซ์ ของกลางได้ดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย กับน.ส.อำไพ และน.ส.พรรณวดี ส่วนนายนิรุต เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันควร เพิ่มอีก 1 ข้อหา ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป คดีที่ 3 พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ ผบก.สกส.บช.ปส. พ.ต.อ.นพดล นิลมานท์ พ.ต.อ.อนุรักษ์ ชาติสุวรรณ พ.ต.อ.หญิง เพชราภรณ์ มงพลเมือง รอง ผบก.สกส.บช.ปส. พ.ต.อ.นพดล กาญจนารมย์ ผกก.1 บก.สกส. บช.ปส. พ.ต.อ.บุญส่ง สนธยายานนท์ ผกก.2 บก.สกส. บช.ปส. พ.ต.อ.ดอย วงค์พุ่ม ผกก.3 บก.สกส.บช.ปส. พ.ต.อ.เสวี ยะสวัสดิ์ ผกก.4 บก.สกส.บช.ปส. ร่วมกันจับกุมตัวนายคนึง ยุทหาญ อายุ 36 ปีอยู่บ้านเลขที่ 72/1 หมู่ 6 ต.ดงใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา นายประสิทธิ์ เกตุเนียม อายุ 23 ปีอยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ 14 ต.โนนจาน อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา และนายศุภกร โคตรประทุม อายุ 19 ปีอยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 6 ต.โนนจาน อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 143 มัดรวมประมาณ 286,000 เม็ด กระเป๋าเดินทางจำนวน 2 ใบ รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน ษง 2128 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ผษ 6326 นครราชสีมา จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือจำนวน 6 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้บริเวณภายสถานีบริการน้ำมันพีที เลขที่ 72/4 หมู่ 3 ถนนปทุมธานี – บางปะหัน ต.เชียงรากใหญ่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เมื่อเวลา 09.30 น. ( 27 ก.ค.) ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ทนัย เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ บก.สกส.ได้รับแจ้งจากสายลับว่านายคนึง กับพวกมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก โดนมีการลำเลียงมาจากชายแดนด้าน จ.นครพนม มาเก็บซุกซ่อนไว้ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพื่อรอส่งมอบให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ และจังหวัดใกล้เคียง โดยจะใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ผษ 6326 นครราชสีมา ขับนำหน้า และมีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน ษง 2128 กรุงเทพมหานคร ขับตามหลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์มาโดยตลอด จนกระทั้งตามวันเวลาที่จับกุม พบรถทั้ง 2 คัน ขับมาตามเส้นทาง ถนนปทุมธานี-บางปะหัน เข้ามาจอดในปั๊มน้ำมันพีที เจ้าหน้าที่เชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์ลำเลียงยาเสพติดตามที่ได้รับรายงานมา จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ขอตรวจค้นพบยาเสพติดของกลางวางซุกซ่อนอยู่ในช่องเก็บของท้ายรถยนต์เก๋งฮอนด้า ซึ่งมีนายศุภกร เป็นผู้ขับขี่ และจากการตรวจค้นรถยนต์กระบะซึ่งเป็นรถคันที่ขับนำพบนายคนึง และนายประสิทธิ์ อยู่ในรถ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางมาสอบสวนต่อที่ กก.สกส. เบื้องต้นจาการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตรงกันว่าก่อนหน้านี้ทำงานเป็นพนักงานรับติดตั้งตู้เอทีเอ็ม ให้กับธนาคารต่างๆ แต่รายได้ไม่พอจึงหันมาลักลอบขนยาเสพติดแทนโดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คนจะไปรับยามาจากชายแดนด้าน จ.นครพยม ก่อนลำเลียงไปส่งให้ลูกค้ายังภาคใต้ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 พล.ต.ต.ทนัย กล่าวต่อว่า จาการสืบสวนทราบว่าขบวนการดังกล่าวมีการลักลอบขนยาเสพติดมามาแล้วครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งขณะนี้มีเบาะแสของเครือข่ายยาเสพติดรายนี้แล้ว โดยทางการสืบสวนพบว่าอาจจะมีเจ้าหน้าที่รัฐบางคน คอยให้การช่วยเหลือ และจากการสอบสวนยังพบว่าเครือข่ายนี้ยังมีการเตรียมลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาอีกครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเฝ้าติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนบช.ปส.3 ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป พล.ต.ท.เรวัช ระบุว่า การจับขบวนการค้ายาเสพติดทั้ง 3 คดีนี้มีมูลค่ารวมประมาณกว่า 86 ล้านบาท และการกุมในคดีแรกพบว่ามีการตรวจยึดอุปกรณ์การผลิตยาไอซ์ ครั้งนี้ ถือเป็นการทะลายแหล่งผลิตไอซ์ ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งจากการสืบสวนพบว่ามีผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีร่วมขบวนการด้วยโดยจะมีการนำสารตั้งต้นซึ่งอยู่ในตัวยาต่างๆที่ใช้ทางการแพทย์ มาสกัดเป็นไอซ์ โดยผ่านขั้นตอนการผลิตต่างๆ จนตกผลึกเป็นเกล็ดไอซ์ ซึ่งเมื่อผลิตออกมาจะมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับไอซ์ที่ผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน แต่มีการจำหน่ายในราคาถูกกว่า และจากการสืบสวนยังพบว่าแหล่งผลิตไอซ์ ดังกล่าว มีนายเฉิน ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง เป็นผู้นำอุปกรณ์การผลิตมาให้ผู้ต้องหาและเครือข่ายจัดเก็บ และผลิต ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป