ด้วยสถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยและไต้หวันเริ่มมีการฟื้นตัว จึงทำให้ช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 ทางไต้หวันได้นำเสนอมุมมองใหม่ ผ่านอาหาร กิจกรรมเพื่อสุขภาพ วัฒนธรรม ด้วยการชูแคมเปญเด็ด พร้อมร่วมมือกับสายการบินสตาร์ลักซ์ สายการบินสัญชาติไต้หวัน และพันธมิตรในประเทศไทย คือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หมวดการท่องเที่ยวและสายการบิน หรือ KTC World Travel Service Department

สตาร์ลักซ์ลักชูรี่แอร์ไลน์ส

นายเบน ชาง ผู้จัดการทั่วไปประจำกรุงเทพมหานคร บริษัท สตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ส จำกัด กล่าวว่า จากสถิติผู้โดยสารพบผู้โดยสารเที่ยวบินเส้นทางระหว่างไต้หวัน-กรุงเทพฯ มีสัดส่วนของนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันมากกว่านักท่องเที่ยวชาวไทย ขณะที่ราคาบัตรโดยสารเส้นทางดังกล่าวในไตรมาสแรก ปี 2566 นี้ยังมีราคาใกล้เคียงกับไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวมีสายการบินอื่นแข่งขันอยู่เช่นกัน

คณะผู้บริหารสตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ส

โดยปัจจุบันสายการบินสตาร์ลักซ์ให้บริการเที่ยวบินไทเป-กรุงเทพฯ อยู่ที่ 2 เที่ยวบินต่อวัน และยังให้ความสำคัญกับเส้นทางนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เดือนเมษายนที่ผ่านมาสายการบินได้เปิดเส้นทางใหม่เชื่อมไทเป กับเมืองชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา คือ เมืองลอสแอนเจลิส ขณะที่ในส่วนของประเทศญี่ปุ่นั้น มีเชื่อมต่ออยู่ 6 เมืองด้วยกัน

ชูท่องเที่ยว 3 มิติเพื่อคนทั่วโลก

ด้าน นางสาวซินดี้ เฉิน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ กล่าวว่า ทางการไต้หวันเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 โดยมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปไต้หวันเป็นจำนวนมากกว่า 5 หมื่นคน สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะนโยบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย 14 วันซึ่งในปี 2566 ได้ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศกว่า  2 แสนคน ด้วยการตอบรับของนักท่องเที่ยวชาวไทยช่วง 2 เดือนแรกปีนี้กลับมาแล้วกว่า 80% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19

ซินดี้ เฉิน

ทั้งนี้ นางสาวซินดี้ กล่าวว่า ท่องเที่ยวไต้หวันเวลานี้ได้นำเสนอมุมมองใหม่ในการเดินทาง ผ่านอาหาร กิจกรรมเพื่อสุขภาพ วัฒนธรรม ดึงนักท่องเที่ยวชาวไทยซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่และสำคัญของไต้หวัน โดยก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2562  มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางไปเที่ยวไต้หวันกว่า 413,000 ราย แต่หลังเปิดประเทศตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 ไต้หวันยังคงได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างดี มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้าไต้หวันระหว่างมกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 รวมกว่า 45,000 ราย หรือประมาณร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562

ดังนั้นไต้หวันจึงน่าจะเป็นประเทศที่ตอบโจทย์มากที่สุดในเรื่องของการท่องเที่ยว ด้วยชื่อเสียงในเรื่องอาหารที่มีให้เลือกหลากหลาย สถานที่ท่องเที่ยวตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม และยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างออนเซ็น ที่มีทั้งน้ำพุร้อนและน้ำพุเย็นธรรมชาติให้เลือกตามความต้องการ โดยในไต้หวันเองมีบ่อน้ำพุร้อนกว่า 100 แห่ง กระจายอยู่ในเกือบทุกเมือง

ตั้งแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ไทย

ขณะที่ ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ในปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปเยือนไต้หวันจำนวน 379,450 คน ครองอันดับ 9 ของประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปเยือน ขณะเดียวกัน ในปีดังกล่าวมีชาวไต้หวันเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 790,039 คน ส่วนข้อมูลจากการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ พบว่าตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 ซึ่งทางการไต้หวันเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ จนถึงเดือนธันวาคม 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปไต้หวันเป็นจำนวนมากกว่า 5 หมื่นคน

ซึ่งล่าสุดการท่องเที่ยวไต้หวันได้แต่งตั้ง “ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” หรือ บอย-ปกรณ์ ให้เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของการท่องเที่ยวไต้หวันประจำประเทศไทย เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไต้หวัน และเป็นตัวแทนในการแนะนำแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยขยายฐานนักท่องเที่ยวชาวไทยและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวไปที่ไต้หวันเพิ่มมากขึ้น

พร้อมทั้งได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณาชุด All is just right in Taiwan ทุกอย่างใช่ โดนใจที่ไต้หวันโดยมี บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ มาร่วมถ่ายทอดการเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวไต้หวัน ซึ่งมีแผนเปิดตัวในกรุงเทพฯ รวมถึงแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเดือนมิถุนายนนี้  ตอกย้ำความเป็นเดสทิเนชันด้านการท่องเที่ยวที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนในครอบครัว

ล้อมกรอบ

‘ไต้หวัน’ เปิดให้นทท.ลงทะเบียน ชิงคูปองรางวัลมูลค่า 5,000 NTD

กระทรวงการท่องเที่ยวไต้หวัน ได้จัด แคมเปญ Taiwan the Lucky Land เที่ยวไต้หวันลุ้นรับโชค สุ่มแจกคูปองรางวัลมูลค่ากว่า 5,000 ดอลล่าไต้หวันใหม่ (NTD) หรือ ประมาณ 5,600 บาท ให้แก่นักท่องเที่ยวที่ถือหนังสือเดินทางต่างชาติ โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายตามเกณฑ์ต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวด้วยตนเอง (F.I.T) และมีเวลาพำนักในไต้หวันระหว่าง 3 - 90 วัน ซึ่งต้องไม่ใช่การเดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์หรือสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกับโปรแกรมสนับสนุนกรุ๊ปทัวร์แต่อย่างใด 

สำหรับการสุ่มแจกคูปองรางวัลจะมีจำนวนทั้งสิ้น 500,000 ราย แบ่งเป็น ปี 2566 สุ่มแจก 250,000 ราย ปี 2567 สุ่มแจก 150,000 ราย และปี 2568 สุ่มแจก 100,000 ราย โดยจะเป็นสนับสนุนในรูปแบบของบัตรแทนเงินสดอีซี่การ์ด บัตรแทนเงินสดไอพาสหรือคูปองโรงแรม ซึ่งมีอายุการใช้งาน 90 วัน หลังจากที่ออกบัตรหรือออกคูปอง

โดยรางวัลบัตรแทนเงินสดอีซี่การ์ดและไอพาส ภายในบัตรจะได้รับเงินมูลค่า 5,000 ดอลล่าไต้หวันใหม่ (NTD) สามารถใช้จ่ายได้ในบริการต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้าสะดวกซื้อ ร้านชานมไข่มุก ร้านฟาสต์ฟู้ด และสามารถโดยสารรถบัสได้ในบางเมือง ซึ่งจำกัดให้สามารถใช้จ่ายได้ครั้งไม่เกิน 1,500 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (NTD)  และไม่เกิน 3,000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (NTD) ต่อวัน ส่วนรางวัลคูปองโรงแรม นักท่องเที่ยวจะได้รับคูปอง 5 ใบ มูลค่าใบละ 1,000 ดอลล่าไต้หวันใหม่ (NTD)  โดยคูปองสามารถใช้ได้ในโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ และชื่อบนคูปองต้องตรงกับบนหนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยวเท่านั้น

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว สามารถลงทะเบียนล่วงหน้า 1-7 วันก่อนเดินทางมาเที่ยวไต้หวัน ผ่านทางเว็บไซต์ www.5000.taiwan.net.tw ด้วยการกรอกข้อมูลส่วนตัว รายละเอียดต่าง ๆ พร้อมเลือกวิธีการรับเงินสนับสนุน โดยสามารถเริ่มลงทะเบียน ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยระบบจะจัดส่ง QR code ยืนยันให้ทางอีเมล จากนั้นนักท่องเที่ยวสามารถนำ QR code ที่ได้รับมาร่วมลุ้นจับรางวัล (ภายในวันที่เดินทางมาถึงไต้หวัน) บริเวณ ณ โถงผู้โดยสารขาเข้า ท่าอากาศยานเถาหยวน (อาคารผู้โดยสาร 1 และ 2) ท่าอากาศยานไทเปซงซาน ท่าอากาศยานไถจง และท่าอากาศยานเกาสง ซึ่งกิจกรรมสุ่มแจกคูปองเงินรางวัลจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เวลา 12.00 น. (GMT+8) ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 สามารถเข้าดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://shorturl.asia/ZPvpE