จากแนวโน้มการท่องเที่ยวของตลาดจีนในไตรมาส 2 โดยเฉพาะบรรยากาศท่องเที่ยวในช่วงวันแรงงานระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2566 พบว่ามีการจองบัตรโดยสารเครื่องบินระหว่างประเทศ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 9 เท่าจากปี 2565 คิดเป็นอัตราการฟื้นตัวมากถึง 45% จากรายงานของ China Youth Daily (29 เมษายน 2566) โดยมีจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยว เป็น Short-haul Destination ได้แก่  มัลดีฟส์ ประเทศไทย เกาะบาหลี และบางกลุ่มเดินทางไปยังดูไบ ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ได้แก่ วัยรุ่นและวัยทำงาน (อายุ 18-40 ปี) จำนวน 70% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด โดยนิยมเดินทางแบบ FIT หรือกลุ่มขนาดเล็กแบบ Tailored-Made

ล่าสุด นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ด้วยแนวโน้มของนักท่องเที่ยวจีนที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเวลานี้ จึงได้เน้นย้ำความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวจีนในมิติหลักๆ คือ นำเสนอสินค้าท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัยและมีคุณภาพจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐาน ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดรูปแบบต่างๆ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อะกระตุ้นการตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย

ขณะที่ประเด็นสำคัญๆ ในกระแสปัจจุบันซึ่งเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยและตลาดจีน อาทิ ทัวร์ศูนย์เหรียญ ปัญหาไกด์เถื่อน ธุรกิจนอมินี และคดีการลักพาตัวชาวจีนในไทย นั้นทาง ททท.ได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว

โดยได้มีแนวทางที่จะทำร่วมกัน หากทางฝั่งไทยมีการส่งข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกอบการที่กระทำความผิดให้กับทางการจีน ก็จะมีบทลงโทษผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งได้มีการจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตำรวจท่องเที่ยว รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดูแลสวัสดิภาพของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย

ด้าน นายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ทางการจีนเปิดประเทศและอนุญาตให้ชาวจีนออกมาเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ ได้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยโดยเฉลี่ยมากกว่า 8,000 คนต่อวัน เทียบกับช่วงก่อนหน้าที่มีประมาณ 2,500 คนต่อวัน โดยในช่วง 4 เดือนแรก ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2566 มีจำนวนสะสมแล้ว 843,920 คน จากจำนวนท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยสะสมทั้งหมดรวม 8,596,452 คน และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงไตรมาส 2-3 และไตรมาส 4 ซึ่งทาง ททท.ยังคงเดินหน้ากระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากที่จีนเปิดประเทศได้จัดโรดโชว์กระตุ้นตลาดไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกที่นครเซี่ยงไฮ้ นครเฉิงตู และนครกว่างโจว เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และครั้งที่ 2 ที่นครฉงชิ่ง กรุงปักกิ่ง และหนานจิงเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

โดยในภาพรวมด้านดีมานด์ของตลาดจีนนั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า ยังมีสูงมาก แต่ก็ยอมรับว่าสำหรับตลาดจีนนั้นยังมีปัจจัยลบอยู่บ้าง เช่น ปัญหาสายการบินที่ยังกลับมาไม่เต็มที่ ซึ่งเป็นปัญหาจากความไม่พร้อมในด้านการให้บริการภาคพื้น หรือปัญหาเรื่องข้อจำกัดในเรื่องของวีซ่า ซึ่งในประเด็นปัญหาของ วีซ่ากรุ๊ป นั้น ผู้ว่าการ ททท. มีแผนไปเจรจากับทางกระทรวงการต่างประเทศในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น  เพื่อกระตุ้นการเดินทางและเปิดตลาดสู่นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยังกล่าวต่อว่า ได้คาดหวังที่จะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนกลับมาที่เดือนละ 1 ล้านคน ใกล้เคียงกับปี 2562 ได้ในเดือนตุลาคม 2566 นี้ (วันหยุดชาติจีน) เนื่องจากในช่วงดังกล่าวจะมีเที่ยวบินชาร์เตอร์ไฟลต์เข้ามาเสริมอีกจำนวนหนึ่งด้วย แม้ว่าในเวลานี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเที่ยวไทยทั้งปี 2566 ทำได้แน่ๆ จะอยู่ที่ 5.3 ล้านคน โดยมีรายได้ประมาณ 446,000 ล้านบาท แต่เป้าหมายที่วางไว้จะไปให้ถึง 7 ล้านคนนั้นจะเป็นตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่นั้น คงต้องรอประเมินจำนวนที่นั่งของสายการบินในสลอตการบินหน้า (winter slot) ที่จะเริ่มต้นในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2566-ปลายมีนาคม 2567 จะฟื้นกลับมาได้มากเพียงใด

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ ททท.ได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณาชุด Unboxing Thailand 2023 เพื่อเผยแพร่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ในจีน ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2566 ที่ผ่านมาซึ่งได้รับกระแสตอบรับในทิศทางที่ดี จึงทำให้มั่นใจว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสะสมจะทะลุ 1 ล้านคนได้ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม 2566 อย่างแน่นอน