พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานสิ่งของแก่ประชาชนชาวเมียนมาที่ประสบภัยพิบัติจากพายุไซโคลนในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา


วันจันทร์ ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงติดตาม
สถานการณ์พายุไซโคลนโมคา (Mocha) ที่ได้พัดผ่านรัฐยะไข่ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา


เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือน และระบบสาธารณูปโภคได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ รวมทั้งประชาชนชาวเมียนมาได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก​ ด้วยทรงมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ภัยพิบัติดังกล่าว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ในการจัดหาสิ่งของต่าง ๆ ที่จำเป็น เพื่อพระราชทานความช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนชาวเมียนมา โดยในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม๒๕๖๖ เวลา ๑๗.๕๗ น. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา​ องคมนตรี เชิญสิ่งของพระราชทน ประกอบด้วย เต้นท์นอน ผ้าห่ม ผ้าขนหนู ยาสามัญประจำบ้าน​ อาหารแห้ง และสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นอื่น ๆ ไปมอบแก่ อุซิซเว (U Chit Swve) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย ณ โรงเก็บอากาสยาน ฝูงบิน ๖๐๑ กองบิน ๖กองทัพอากาศ เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร โดยกองทัพอากาศเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งสิ่งของพระราชทานไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อนำไปช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนชาวเมียนมาผู้ประสบภัย


ในการนี้ สภากาชาดไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มูลนิธิราชประชานุเคราะห์
ในพระบรมราชูปถัมภ์ และบริษัท บิ๊กชี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมบริจาคอาหารและสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีพ โดยกองทัพอากาศได้สนับสนุนเครื่องบินลำเลียง C-130 จำนวน 2 เครื่องและกำลังพลในการเชิญสิ่งของพระราชทานและสิ่งของที่มีผู้ร่วมบริจาค ไปยังสนามบินย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อมอบแก่ผู้ประสบภัยต่อไป


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖ พายุไซโคลนโมคา (Mocha) ซึ่งก่อตัวขึ้น
ในอ่าวเบงกอล ได้เคลื่อนตัวเข้าพื้นที่ด้านตะวันตกของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาบริเวณรัฐยะไข่​  โดยมีความเร็วลมที่จุดศูนย์กลางสูงสุด ๒๕0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่ามีความรุนแรงเทียบเท่าพายุเฮอร์ริเคนระดับ ๕ ส่งผลให้เกิดลมกรรโชกแรง พายุฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่มกระแสไฟฟ้ดับในหลายพื้นที่ และเสาส่งสัญญาณโทรคมนาคมล้มทำให้มีอุปสรรคในการติดต่อสื่อสารเป็นผลให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและรัพย์สินของประชาชนเมียนมาในวงกว้าง

​​​​​​​ ​​​​​​​ ​​​​​​​