ในช่วงที่ผ่านมา โรงแรมในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ร่วมกับ มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดย  นายธีระพงศ์  ปังศรีวงศ์  ผู้ก่อตั้งเคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์  กรรมการบริหาร บริษัท เกษมกิจ จำกัด  และรองประธานกรรมการอำนวยการมูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมท่องเที่ยวและทัศนศึกษาภาคฤดูร้อนต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 เพื่อมอบความสุขให้เด็กโสสะทุกคนพร้อมเปิดโลกการเรียนรู้และสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้กับเด็กและครอบครัวโสสะกว่า 800 ชีวิต จากทั้งหมด 5 หมู่บ้านทั่วประเทศไทย ได้แก่ หมู่บ้านเด็กโสสะบางปู  หาดใหญ่  หนองคาย  เชียงราย  และภูเก็ต   

โดย นาย ธีระพงศ์  กล่าวถึงการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า  ได้เห็นความสำคัญของการสร้างประสบการณ์และความทรงจำที่ดีให้กับเด็กๆ ซึ่งจะเป็นอนาคตของชาติในวันข้างหน้า ดังนั้นจึงอยากให้กำลังใจเด็กทุกคนโดยการจัดทัศนศึกษานอกสถานที่อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12  เพื่อให้พวกเขามีโอกาสในช่วงวันหยุดภาคฤดูร้อนพักผ่อนท่องเที่ยวใช้ชีวิตร่วมกันแบบครอบครัวที่อบอุ่น  รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพวกเขาในวันนี้จะเป็นความทรงจำที่สวยงาม

อีกทั้งเป็นกำลังใจและแรงผลักดันสำคัญให้พวกเขาเมื่อเติบโตขึ้นจะได้เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในสังคม  โดยได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางและกิจกรรมทัศนศึกษาทั้งหมด รวมทั้งอาหารและที่พักโรงแรมในเครือ เคป แอนด์ แคนทารี เพื่อให้เด็กจากแต่ละหมู่บ้านของมูลนิธิเด็กโสสะฯ  ได้เที่ยวพักผ่อนอย่างสบายใจและมีความสุข  เราตั้งใจทำเพื่อเด็กๆ ทุกคนอย่างจริงใจ

นอกจากนี้ นายธีระพงศ์ พร้อมด้วย นายพงศ์วรุตม์ ปังศรีวงศ์ ผู้บริหารจากกลุ่มโรงแรมเคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ได้มอบเงินบริจาคเพิ่มเติมในนามกลุ่มโรงแรม เคป แอนด์ แคนทารี ประจำปี 2566 จำนวน 300,000 บาท ให้แก่ มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ เพื่อสนับสนุนทางด้านการศึกษาและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่เด็กและเยาวชน โดยมี พล.ต.ท.ดร.นรวัฒน์ เจริญรัชต์ภาคย์ ประธานกรรมการอำนวยการ มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ เป็นผู้รับมอบ พร้อมด้วย ตัวแทนคณะกรรมการมูลนิธิฯ ด้วย

ทั้งนี้ มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ให้การเลี้ยงดูเด็กที่สูญเสียบิดามารดา ขาดญาติมิตร  โดยเด็กจะได้รับการเลี้ยงดูจากแม่โสสะด้วยความรักความอบอุ่นในครอบครัวโสสะซึ่งเป็นครอบครัวทดแทนถาวร  เด็กยังได้เติบโตขึ้นท่ามกลางสายสัมพันธ์ของพี่น้องชายหญิงในบ้าน และอยู่ร่วมกันในชุมชนหมู่บ้านเด็ก 5 แห่งทั่วประเทศที่เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน  อีกทั้งเด็กยังได้รับการศึกษาสูงสุดตามความสามารถ  ปัจจุบันมีเด็กจำนวนมากที่ได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวโสสะจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ออกไปประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเองและอยู่ร่วมกับสังคมอย่างมีความสุข