จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลง กระแสการท่องเที่ยวเติบโตแบบก้าวกระโดด  รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของสายการบินและเที่ยวบินเชื่อมโยงประเทศในแต่ละภูมิภาค สู่ไทยเพิ่มขึ้น จึงเป็นปัจจัยหนุนให้ททท. เร่งผลักดันนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคต่างๆ เข้าสู่ประเทศ

ตั้งเป้ารายได้ปี 67 มูลค่า 2 ล้านล้าน

โดย นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. กล่าวว่า การท่องเที่ยวของไทยครึ่งปีแรกถือว่าดำเนินการไปได้ด้วยดี ซึ่งครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตต่อไป เป้าหมายของ ททท. ที่ต้องการให้ในปีนี้ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนจำนวน 25 ล้านคน และในปี 2567 ประเทศไทยจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 2 ล้านล้านบาท หรือมีรายได้เทียบเท่ากับปี 2562 ก่อนการระบาดโควิด-19  

ขณะที่ นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในฐานผู้ดูแลตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศ 4 ทวีปนั้น ถ้ามองในภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกำลังเข้าสู่แดนบวก โดยเฉพาะตลาดระยะไกล หรือลองฮอลล์  จาก ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา

ซึ่งตลอดปี 2566 ททท.ได้เน้นเป้าหมายหลักเรื่อง เพิ่มรายได้ จึงให้ความสำคัญรอบด้านทั้งกับการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว การใช้จ่ายเงินมากขึ้น/คน/ทริป เพิ่มวันพักเฉลี่ยสูงขึ้น/คน/ทริป เพราะตอนนี้ตั๋วโดยสารเครื่องบินสูงเป็นปัจจัยทำให้นักท่องเที่ยวระยะไกลที่เดินทางมาแล้วเลือกพักผ่อนอยู่เมืองไทยนานวันขึ้น ผนวกกับรัฐบาลมีนโยบายผ่อนคลายการเดินทางอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวมากขึ้น จึงส่งผลให้ 5 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-พฤษภาคม  2566 ททท.ทำเป้าหมายได้เกินกว่าครึ่ง โดยมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยจาก 1.ยุโรปยอดสะสมเกิน 3 ล้านคน  2.อเมริกา ทำได้ 5 แสนคน จากเป้า 1 ล้านคน 3.ตะวันออกกลางเป็นดาวรุ่งแห่งปี ทำได้เกือบ 4 แสนคน โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย ที่เพิ่งฟื้นความสัมพันธ์ได้ไม่นานก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วกว่า 40,000 คน และน่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องช่วงฤดูท่องเที่ยวหน้าฝน

ครึ่งปีหลัง 66 มุ่งความสำคัญไปที่ 2 ส.

ทั้งนี้ นายศิริปกรณ์ ได้กล่าวว่า ครึ่งปีหลัง 2566 จะมุ่งไปที่ 1.สายการบิน 2.สถานประกอบการท่องเที่ยว จะต้องปรับตัวขานรับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวตามเทรนด์รักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งตลาดระยะไกลนิยมเลือกจองพักโรงแรมรีสอร์ตที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่เลือกใช้วัตถุดิบอาหาร สินค้า ของที่ระลึกในท้องถิ่น

อีกทั้ง นายศิริปกรณ์ กล่าวว่า เวลานี้ได้เดินหน้าทำแผนท่องเที่ยวปี 2567 ทั้ง 4 ทวีป ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา โดยตั้งเป้าทำรายได้เข้าประเทศไม่น้อยกว่า  40 % ของเป้าหมายทั้งหมดคือ 1.9 ล้านล้านบาท คิดเป็นประมาณ 4.75 แสนล้านบาท ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 30 % ของเป้าหมายทั้งหมด 34 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 10.2 ล้านคน สอดคล้องกับผลสำรวจของ TAT Intelligence Center เมื่อต้นปี 2566 พบว่าขณะนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวเมืองไทย ใช้จ่ายเงินเฉลี่ยประมาณ 50,000 บาท/คน/ทริป สูงกว่าช่วงปี 2562 และช่วงโควิด-19 จึงเป็นสัญญาณที่ดีที่การท่องเที่ยวไม่ได้มุ่งเฉพาะรายได้เพียงอย่างเดียว แต่นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องเคารพกติกา รักษาสิ่งแวดล้อม กลมกลืนกับไลฟ์สไตล์คนไทยตามจังหวัดต่าง ๆ ด้วย

จัดกิจกรรมสร้างความเชื่อมั่นนทท.

ด้าน นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ในส่วนของการสื่อสารการตลาดเวลานี้ ได้มุ่งเน้นจัดกิจกรรมในรูปแบบ Consumer Fair นำแบรนด์ Amazing Thailand เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งและใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นประเทศไทย ผ่านการจัดกิจกรรม On Ground Activities ร่วมกับพันธมิตร เพื่อส่งมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยมุมมองใหม่ด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการของพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว และ Soft Power (5F) ของประเทศไทยในหลากหลายพื้นที่ทั่วโลก ล่าสุดได้เดินทางไปที่  นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวภูมิภาคอเมริกา (สหรัฐอเมริกา แคนาดา และละตินอเมริกา) ถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลอันดับ 2 ที่มีแนวโน้มการเติบโตของ Demand เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีความตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน สอดคล้องกับกลยุทธ์พลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีท่องเที่ยวไทย 2566 ของ ททท.