เมื่อ “ภูเก็ต” จังหวัดที่ ถือเป็นจุดปลายทางยอดนิยมของการจัดงานไมซ์ ประชุม สัมมนา จากองค์กรทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมสำหรับรองรับการจัดงานในหลาย ๆ ด้าน ทั้งความสวยงามของธรรมชาติ และประเพณีที่สืบทอดกันมานับร้อยปีอย่าง “ประเพณีถือศีลกินผัก” หรือ เจี๊ยะฉ่าย ของจังหวัดภูเก็ต

ดันงานถือศีลกินผักเป็นอีเว้นต์สากล

ซึ่ง “ประเพณีถือศีลกินผัก” ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองนี้ที่รอคอยให้นักเดินทางไมซ์จากทั่วโลกมาค้นหา ซึ่ง สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ ทีเส็บ ได้ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนยกระดับประเพณีนี้ให้เป็น Flagship Event ผลักดันให้ก้าวสู่การเป็นอีเว้นต์ระดับนานาชาติ เตรียมต้อนรับนักเดินทางไมซ์จากทั่วโลก สอดคล้องกับนโยบาย Festival Economy หรือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยงานเทศกาล

โดย ประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้นทุกปีในช่วง วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนของทุกปี  นับว่าเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาน่าสนใจที่องค์กรจะนำไปวางแผนการจัดประชุม สัมมนา เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้มีโอกาสร่วมถือศีลกินผัก ชำระล้างร่างกายและจิตใจ ร่วมสืบสานประเพณีอันมีเสน่ห์เฉพาะตัว โดยปีนี้ตรงกับวันที่ 26 กันยายน -วันที่ 4 ตุลาคม 2565

อ๊ามบางเหนียว

นอกจากการดื่มด่ำกับบรรยากาศของความศรัทธา ประเพณี พิธีกรรมที่ถูกสานต่อมานับร้อยปีแล้ว กิจกรรมก่อนหรือหลังการประชุมที่นักเดินทางไมซ์สายมูต้องไม่พลาด คือการไปขอพรจากอ๊ามหรือศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีอยู่มากมายหลายแห่ง สามารถเลือกเสริมโชค ทั้งเรื่องการงาน สุขภาพ การเดินทาง

สักการะเทพเจ้าเพื่อสุขภาพที่ดี

ซึ่ง แน่นอนว่าการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ และคงไม่มีที่ไหนเหมาะจะขอพรด้านสุขภาพไปมากกว่าอ๊ามที่จังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะช่วงประเพณีถือศีลกินผัก เนื่องจากประเพณีนี้ในจังหวัดภูเก็ตเกิดขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าหลังเกิดโรคระบาดใหญ่ ดังนั้นการสักการะองค์เทพเจ้าในอ๊ามหลายแห่งมักจะขอพรด้านสุขภาพ ให้ห่างหายจากโรคภัยไข้เจ็บ

เริ่มจากอ๊ามกะทู้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อสักการะของชาวบ้านในพื้นที่หลังคณะงิ้วที่มาจากจีนล้มป่วยกะทันหัน จึงได้ประกอบประเพณี ‘เจี๊ยะฉ่าย’ หรือการกินผักขึ้น และว่ากันว่าทำให้นักแสดงที่ล้มป่วยหายเป็นปลิดทิ้ง

อ๊ามกะทู้

อีกหนึ่งอ๊ามที่หลายคนอาจไม่ค่อยรู้ ว่า เป็นที่ประดิษฐานของ ‘พระจ้อซือก้ง’  ซึ่งเป็นพระที่ชาวไทยเชื้อสายจีนในภูเก็ต ขนานนามท่านว่า ‘พระหมอ’ นั่นก็คือศาลเจ้าเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณวงเวียนสุรินทร์ (หอนาฬิกา) ชื่อว่าอ๊ามฮกหงวนก้ง โดยถ้าใครมีปัญหาด้านสุขภาพ ชาวภูเก็ตจึงมักไปขอพรที่อ๊ามแห่งนี้ และที่นี่ยังมีเซียมซียา สำหรับขอยารักษาโรคต่าง ๆ มาตั้งแต่โบราณอีกด้วย

สำหรับ เทพเจ้าที่มีความสามารถในวิชาแพทย์ อีกองค์ในภูเก็ตที่นิยมสักการะ คือ เทพเจ้าโป่เส่งไต่เต่ หรือองค์หงอจินหยิน ซึ่งเป็นพระประธานของอ๊ามท่าเรือนั่นเอง มีตำนานว่าเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์โรคและรักษาคนป่วยมาจำนวนมาก จนได้รับขนานนามว่าเป็น ‘เทพเจ้าผู้ช่วยชีวิต’

โดย อ๊ามปุดจ้อจะขึ้นชื่อในการสักการะขอพรด้านสุขภาพเช่นกัน แต่ที่นี่ยังเป็นที่นิยมในการขอพรเรื่องชีวิตคู่ ครอบครัว รวมไปถึงการไหว้ขอลูกด้วย เนื่องจากมีองค์จู้แซเหนียวเหนียว ซึ่งเป็น ‘เจ้าแม่ประทานบุตร’ และยังมีความเชื่อว่าสามารถสักการะเพื่อขอให้พบเนื้อคู่ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าใครกำลังโสด หรือใครมีคู่แล้วอยากมีลูก ก็มาตั้งจิตอธิษฐานที่นี่ได้

มีอิทธิฤทธิ์ปกป้องคุ้มครอง

ส่วนใครที่ใกล้ช่วงสอบ ไม่ว่าจะเป็นสอบที่โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือสอบบรรจุ ต้องห้ามพลาดขอพรที่ อ๊ามหลิมฮู้ไท่ซู่ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ อ๊ามสามกอง ซึ่งเป็นชื่อบริเวณที่ตั้งของอ๊ามมานานกว่า 108 ปีแล้ว เดิมทีแล้วชาวบ้านมักจะเรียกอ๊ามแห่งนี้ว่าอ๊ามไท่ซู่ก้ง เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระหลิมฮู้ไท้ซู่ ถ้าแปลตามตัวอักษรจีนแล้ว อาจจะเรียกได้ว่า ‘ท่านราชครูหลิม’ จึงมีความเชื่อว่าท่านจะให้พรให้มีความสำเร็จทางด้านการศึกษา การสอบ และเพิ่มพูนความเฉลียวฉลาด

อีกทั้งถ้าหากใครเคยแวะเวียนไปทะเลในเมืองภูเก็ต หรือ สะพานหิน จะพบอ๊ามที่หันหน้าออกทะเล อ๊ามแห่งนี้มีชื่อว่า อ๊ามกิ้วเที้ยนเก้ง ซึ่งเป็นชื่อเทพองค์พระประธาน  หรือ พระนางกิ้วเที้ยนเฮียนลื้อ นั่นเอง โดยเชื่อว่าเป็นเทพที่มีอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ สามารถปกป้อง คุ้มครองชาวภูเก็ต จากสิ่งชั่วร้าย และภัยอันตรายจากธรรมชาติ

อ๊ามสะปำ

ขณะที่การเดินทางก็ย่อมมาคู่กับการไหว้แม่ย่านาง เช่นเดียวกับชาวจีนโพ้นทะเลจึงมักจะสักการะแม่ย่านางเรือ หรือ เทพเจ้ามาจอโป๋ ที่อ๊ามซัมส้านเที่ยนเฮวกึ๋ง ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่เฉลียวฉลาด สามารถรู้การณ์ล่วงหน้า และทำนายดินฟ้าอากาศได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผู้คนนิยมในการบูชาและขอพรด้านการเดินทาง  

ซึ่ง เมื่อพูดถึงการค้าขาย การงาน การเงิน ก็จะต้องไปสักการะที่อ๊ามบางเหนียว อ๊ามเก่าแก่และเป็นที่ศรัทธาของชาวภูเก็ต เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าสามต่องอ๋อง หรือ 3 ขุนนางผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อแผ่นดิน จึงเป็นที่นิยมในการมากราบไหว้เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ การงานมั่นคง ค้าขายร่ำรวย ตลอดจนเป็นที่รักของบริวารทั้งปวง

อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งอ๊ามที่นักธุรกิจและผู้บริหารมักจะเดินทางมาสักการะคืออ๊ามสะปำ โดยเทพเจ้ากวนเต้กุ๊น หรือ เทพเจ้ากวนอู เป็นที่นิยมบูชาโดยเชื่อว่าบารมีของท่านจะช่วยส่งเสริมด้านการงานและการทำธุรกิจ อ๊ามสะปำจึงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในการมาขอพร