ภายหลังจากบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ได้เปิดตัวโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซากา อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยโรงแรมดังกล่าวถือเป็นโรงแรมแห่งแรกของเครือเซ็นทาราในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแผนการตลาดต่อไปเตรียมรุกธุรกิจโรงแรมในเมืองเกียวโต

ตลาดหลักที่สำคัญของโรงแรม

นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกมาลงทุนในโอซากาเป็นเมืองแรกในญี่ปุ่น  ด้วยตลาดญี่ปุ่นคือตลาดหลักสำคัญของโรงแรมมาโดยตลอด และโอซาก้าเองก็เป็นเมืองท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญระดับโลกที่โดดเด่นและมีศักยภาพสูง

อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นคือจุดหมายปลายทางหลักอีกแห่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวไทยมาอย่างช้านาน ติด Top 10 Geo source market เป็นตลาดที่มีความต้องการจากนักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่เสมอ  พร้อมๆ กับได้โอกาสสำคัญในการจับมือร่วมกับพาร์ทเนอร์ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองบริษัทในญี่ปุ่น คือ  บริษัท ไทเซอิ คอร์เปอเรชั่น และ บริษัทคันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในการสร้างและเปิดโรงแรมในโลเคชั่นที่สำคัญและโดดเด่นที่สุดในย่านนัมบะ   ซึ่งโครงการณ์ทั้งสิ้นมีมูลค่า 3 หมื่นล้านเยน หรือประมาณ 9 พันล้านบาท   แบ่งเป็นเซ็นทาราถือหุ้น 57% และพาร์ตเนอร์ทั้งสองรายถือหุ้นรวมกัน 47%

โดยภายหลังจากการเปิดให้บริการ โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ โอซากา ในเดือนกรกฎาคมนี้ ก็จะมีความพร้อมที่จะเติบโตและขยายไปยังเมืองใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ ในประเทศญี่ปุ่นในอนาคตหากมีโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจเข้ามา  

ซึ่งผลตอบรับในปัจจุบันเพียงเดือนแรกที่เปิดให้บริการมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 50% ซึ่งถือว่าดี สำหรับโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่และแบรนด์ใหม่ในตลาด ส่วนครึ่งปีหลังได้ตั้งเป้าอัตราการเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 70% 

อย่างไรก็ตามการท่องเที่ยวโอซากาฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นได้กลับมาเปิดประเทศและรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบาย  รวมทั้งค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลงทำให้มีความต้องการ ในการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นที่สูงขึ้น  คาดว่ากระแสการท่องเที่ยวโอซากาจะคึกคักมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในช่วง World Expo ในปี 2568

พร้อมกันนี้ นายธีระยุทธ  ยังกล่าวถึงโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราในปัจจุบัน ว่า มีเปิดให้บริการแล้วและอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา ประมาณ 93 แห่ง ใน 13 ประเทศทั่วโลก (รวมประเทศไทย) รวมจำนวนห้องพักทั้งสิ้น 20,081 ห้อง    แบ่งออกเป็น เปิดให้บริการแล้ว 50 แห่ง  จำนวน 10,512 ห้อง และกำลังพัฒนาอีก 43 แห่ง จำนวน 9,569 ห้อง  จาก 93 แห่ง รวม 20,081 ห้อง  แบ่งออกเป็น โรงแรมที่เป็นเจ้าของเอง หรือ own hotel อยู่ที่ 23 แห่ง และรับบริหาร 70 แห่ง

กำลังมองหาโอกาสเพิ่มในเมืองอื่นๆ

ด้าน นายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา และรองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า จำกัด มหาชน กล่าวว่า มีโรงแรมในเครือเซ็นทาราที่เปิดใหม่ในปี 2566 ทั้งสิ้น 6 แห่ง รวม 1,270 ห้อง โดย 5 แห่งอยู่ในประเทศไทยและ 1 แห่งในญี่ปุ่น   ประกอบด้วย เซ็นทารา อุบล  จำนวน 160 ห้อง / เปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 10 มี.ค.66   เซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า จำนวน 515 ห้อง / เปิดให้บริการวันที่ 1 ก.ค.66   เซ็นทรา บาย เซ็นทารา ละไม รีสอร์ท สมุย จำนวน 61 ห้อง / มีแผนเปิดในไตรมาส 3 ปี 2566  เซ็นทารา อยุธยา จำนวน 224 ห้อง / มีแผนเปิดในไตรมาส 3 ปี 2566  เซ็นทารา วัน ระยอง  จำนวน 200 ห้อง  มีแผนเปิดในไตรมาส 4  ปี 2566 เซ็นทรา บาย เซ็นทารา สุราษฎร์ธานี จำนวน 110 ห้อง / มีแผนเปิดในไตรมาส 4 ปี 2566  

อีกทั้ง นายกันต์ ยังกล่าวถึงการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น ว่า ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงที่ศึกษา และมองหาโอกาสเพิ่มเติมในหัวเมืองใหญ่ๆ อาทิ ในโตเกียว เกียวโต เป็นต้น ทั้งนี้ ยังรวมถึงการมองหาโอกาสในการรับบริหารโรงแรมเพิ่มเติมในเมืองเหล่านี้อีกด้วย

ขณะที่ นายทากาชิ ยามาซากิ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารโครงการพัฒนาในเมือง บริษัท ไทเซอิ คอร์เปอเรชั่น กล่าวว่า ด้วยความสัมพันธ์อันดีหลังจากการร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ทั้งสอง เรามีความยินดีที่จะได้ร่วมงานกันอีกแน่นอนหากมีโอกาสที่น่าสนใจในอนาคต 

ส่วน นายเคนอิชิ ฟูจิโนะ ประธาน บริษัทคันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า การร่วมมือในการลงทุนครั้งนี้ได้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีที่จะนำไปสู่การร่วมงานในอนาคต

รองรับนักเดินทางทุกรูปแบบ

โดย นาย ชิเกกิ นาคากาวา ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โอซากา กล่าวต่อว่า โรงแรมพร้อมต้อนรับนักเดินทางหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มครอบครัว ที่มีห้องแบบ family รองรับ  กลุ่ม Business traveller และนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง  และกลุ่มไมซ์ เพราะมีห้องประชุมสัมมนาและห้องจัดเลี้ยงพร้อมรองรับ  กลุ่มวัยรุ่น ที่มองหาสถานที่ในการเป็นแหล่ง hangout ใหม่ๆ ตอบโจทย์ lifestyle ทันสมัย  ซึ่งสามารถแบ่งสัดส่วนกลุ่มทางการตลาด คือ  ญี่ปุ่น 30-40%  จีน และ Chinese speaking countries 15-20%เกาหลีใต้ 15%  ไทย 10%  อื่นๆ อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน อเมริกา ยุโรป

สำหรับจุดเด่นของโรงแรมมี Location ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ และแหล่งช้อปปิ้งสำคัญย่านดงโทโบริ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ทำให้แขกผู้เข้าพักสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ขนาดของห้องพักที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และกว้างขวางกว่าห้องพักตามมาตรฐานโรงแรมทั่วไปในญี่ปุ่น โดยโรงแรมของเราจะมีขนาดห้องเริ่มต้นอยู่ที่ 27 ตร.ม.  รวมทั้งการออกแบบให้ทุกห้องมีหน้าต่างขนาดใหญ่ยักษ์จากพื้นจรดเพดาน เพื่อให้แขกผู้เข้าพักเห็นวิวอันงดงามของเมืองโอซาก้าได้อย่างเต็มตา และช่วยทำให้บรรยากาศในห้องดูโล่งและโปร่งขึ้น 

ส่วนห้องพักประเภท family ที่มาพร้อมเตียงสองชั้นสำหรับเด็ก และห้องพักประเภท connecting room ทำให้เหมาะกับการเดินทางของทุกครอบครัว รวมทั้งความเป็นไทยในระดับสากลที่แทรกอยู่ในทุกมิติ อาทิ เรื่องของการดีไซน์การออกแบบทั้งภายในห้องพักและภายในพื้นที่โรงแรม ทีมพนักงาน รวมถึงการบริการที่มากับมิตรไมตรีจิตรอย่างไทย และสปาเซ็นวารีแห่งแรก ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานแบบไทยแท้ๆ เทอราปิสทุกคนผ่านการควบคุม และจัดให้มีบริการรถตุ๊กตุ๊กรับส่งสถานีรถไฟ แห่งแรกของโอซาก้า

พร้อมกันนี้ นาย ชิเกกิ ยังกล่าวว่า ในช่วงเปิดโรงแรมมี โปรโมชั่นนำเสนอ ประกอบด้วย   “Spa + Stay Experience”  ห้องพัก พร้อมบริการนวดไทย 60 นาที สำหรับ 2 ท่าน ที่สปาเซ็นวารี  บริการอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน  ระยะเวลาการจองวันที่    22 พฤษภาคม 2566  -วันที่ 31 ธันวาคม 2566  ระยะเวลาเข้าพักวันที่   1 กรกฎาคม 2566 -วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ส่วน “Sky-High Gourmet Escape” ห้องพัก 1 คืน พร้อมอาหารเช้าสำหรับสองท่าน  อาหารและเครื่องดื่มให้บริการไม่จำกัด 90 นาที  ระยะเวลาการจอง วันที่  8 พฤษภาคม 2566 -วันที่ 31 ธันวาคม 2566   ระยะเวลาเข้าพักวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 -วันที่ 31 ธันวาคม 2566