บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เปิดผลดำเนินงานในไตรมาส 2/66 กำไร 228.1 ล้านบาท จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ,ชีวมวล และพลังงานลม บอร์ดอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อย “Sermsang International (Taiwan) Co., Ltd.” เพื่อรองรับการเข้าลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศใต้หวัน ฟากบิ๊กบอส “วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์” เดินหน้ามองหาโอกาสเข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆในประเทศและต่างประเทศ หลังมีฐานทุนแข็งแกร่งเร่งขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewable ทุกรูปแบบ วางเป้าอีก 3 ปี มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือแตะ 500 เมกะวัตต์ 

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) SSP เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯในไตรมาส 2/2566 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566) มีกำไรสุทธิในงวดไตรมาสที่ 2/2566 อยู่ที่ 228.1 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน มีสาเหตุหลักจากการรับรู้กำไรพิเศษในไตรมาสที่ 2/2565 จากการขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ฮิดากะ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีกำไร 348.4 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมรายการดังกล่าว SSP จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาสที่ 2/2565 ที่ 290.1 ล้านบาท  

โดยจากผลดำเนินงานของบริษัทฯที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีก่อนหน้า เป็นผลจากค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการเบิกเงินกู้โครงการ TTTV โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนามในช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 มีอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้น และการไม่ได้รับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการฮิดากะ หลังจากการขายโรงไฟฟ้าในไตรมาส 2 ปี 2565 อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯสามารถสร้างรายได้ในระดับดี โดยเฉพาะโครงการ SPN โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ที่มีผลการดำเนินงานดีขึ้น  และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรแบบเต็มงวดจากโรงไฟฟ้าวินด์ชัย ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 25%  

สำหรับโครงการในปัจจุบัน บริษัทได้เริ่มก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์  LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 22 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2568  และในเดือน ก.ค.66 บริษัทลงทุนผ่านบริษัทลูก “เสริมสร้าง เน็กซ์ เวนเจอร์ส“ โดยได้เข้าลงทุนใน บริษัท สามารถ พลาสแพค จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์อุปโภคบริโภค ในสัดส่วน 75% โดยจะเข้าไปพัฒนาและขยายกำลังการผลิตรวมไปถึงเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินงานแบบเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 4/66 ถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจอีกทั้งช่วยเพิ่มฐานรายได้ใหม่เข้ามาเติมเต็มธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในปัจจุบันให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อย “Sermsang International (Taiwan) Co., Ltd.” ในประเทศไต้หวัน ด้วยทุนจดทะเบียน 50.0 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ซึ่งการเข้าไปจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศไต้หวันในครั้งนี้ เกิดจากการมองเห็นศักยภาพและโอกาสการเติบโตของธุรกิจพลังงานทดแทนในอนาคต รวมไปถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการเข้าไปพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆในต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น เวียดนาม มองโกเลีย และอินโดนีเซีย ล้วนเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จและสามารถสร้างรายได้ในระดับที่ดีมาโดยตลอด การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการสนับสนุนผลงานในอนาคตให้เติบโตได้แบบก้าวกระโดด 

ทั้งนี้ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯยังคงเดินหน้ามองหาโอกาสเพื่อเข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเวียดนามตามแผนพัฒนาพลังงาน PDP8 รวมไปถึงการใช้กลยุทธ์ในการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาปิดดีลเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนทำให้พอร์ตกำลังผลิตเติบโตเป็นเท่าตัวในอีก 3 ปีข้างหน้าแตะ 500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 241 เมกะวัตต์