มาโน โพลกิง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่า ได้มีการวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ของทีมเป็นที่เรียบร้อย มีการตัดสินใจสำคัญไปแล้ว ทุกคนมีความพร้อมสำหรับการแข่งขันและเราได้ 11 ตัวจริงในใจแล้ว โดยวังว่าสนามจะดีกว่าที่ได้เห็นล่าสุด เชื่อว่าทุกฝ่ายพยายามทำงานกันอย่างหนักและหวังว่าฝนที่ตกลงมาจะไม่ทำร้ายสภาพสนามมากเกินไป เราอยากให้สภาพสนามออกมาดีเพราะแนวทางการเล่นของเราต้องใช้สภาพสนามที่สมบูรณ์เพื่อครองบอลหรือเล่นบอลกับพื้น แต่เราก็เคยผ่านสภาพสนามแบบฝนตกหนักมาแล้วเมื่อปีก่อน ดังนั้นจะไม่เอามาเป็นข้ออ้างเด็ดขาด สุดท้ายหวังว่าทุกอย่างจะออกมาดีเพื่อให้ได้เล่นในเกมของตัวเองทั้งสองเกมและได้ผลที่ต้องการ

"เกมคู่แรกระหว่างอิรักกับอินเดีย แน่นอนว่าทั้งสองเกมลงเล่นสนามเดียวกัน ฉะนั้นตนคงจะมาอยู่ดูเกมของอิรักกับอินเดียตั้งแต่คู่แรกอยู่แล้ว นอกจากนี้เราก็มีทีมสตาฟอย่างลูอิส เวียกัส ที่คอยเช็คฟอร์มคู่แข่งอยู่แล้ว รวมถึงมาซาทาดะ อิชิอิ เองก็จะมาคอยเสริมข้อมูลให้เราด้วยเช่นกัน"

ทั้งนี้เลบานอน พวกเขาเตรียมทีมมานานพอๆ กับไทย และให้ความสำคัญกับทัวร์นาเมนต์นี้มากๆ แต่เราเองก็อยากทำผลงานให้ดีกว่าปีก่อน ดังนั้นตอนนี้เราจะมีสมาธิกับเกมแรก จากนั้นค่อยมาวิเคราะห์คู่แข่งในเกมที่สองต่อไป

ด้าน "นิว"​ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลางทีมชาติไทย กล่าวว่า ดีใจที่มีชื่อติดทีมชาติทุกครั้ง ครั้งนี้ทีมก็พร้อมแล้ว การซ้อมก็ดี สภาพร่างกายก็เต็มร้อย กับเลบานอนเป็นทีมที่อันดับสูงกว่า ก็พยายามจะโฟกัสเกมของพวกเขาและวิธีการเล่น ซึ่งทุกคนพร้อมเจอเลบานอนกันแล้ว

"จริงๆ ทุกคนกระหายอยากได้แชมป์ หลายคนในทีมมีประสบการณ์เข้าชิงหรือเป็นแชมป์ ทุกคนกระหายอยากจะคว้าแชมป์ให้ได้ในครั้งนี้"

สำหรับ การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 จะแข่งขันกัน ที่ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี โดยผลการจับสลากประกบคู่รอบรองชนะเลิศ มีดังนี้

รอบรองชนะเลิศ แข่งขันในวันที่ 7 กันยายน 2566 รอบรองชนะเลิศ
เวลา 17.30 น. อิรัก พบ อินเดีย
เวลา 20.30 น. ไทย พบ เลบานอน

ส่วนรอบชิงอันดับ 3 และรอบชิงชนะเลิศ แข่งขันในวันที่ 10 กันยายน 2566
เวลา 17.30  น. Loser A vs Loser B
เวลา 20.30  น. Winner A vs Winner B

ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ ทีวี และ เอไอเอส เพลย์ วันนี้ (7 ก.ย.66) เวลา 20.30 น.