คอลัมน์ เรื่องจากปก นสพ.สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ มหัศจรรย์แห่งพระบารมี เป็นเวลาสองสัปดาห์ล่วงเลยมาแล้ว ทว่าทุกข์ในหัวใจของราษฎร ที่เผชิญหน้าต่อการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” เสด็จสวรรคต สู่สวรรคาลัย เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ โรงพยาบาลศิริราช นับจากวันนั้น จนถึงวันนี้ประชาชนชาวไทย รวมทั้งคนไทยเชื้อสายต่างๆ ตลอดจนชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์ ต่างรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด ตลอดระยะเวลากว่าสองสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนยังคงเดินทางหลั่งไหลจากทั่วประเทศ เพื่อมาลงนามแสดงความอาลัย ต่อการเสด็จสวรรคตสู่สวรรคาลัยของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ต.ต.ที่ผ่านมาจนถึง ณ ปัจจุบันประมาณการกันว่าตัวเลขน่าจะเข้าใกล้หลักสี่ล้านคน เนื่องจากเมื่อวันที่ 25ต.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย ได้สรุปยอดการดำเนินการจัดกิจกรรมลงนามแสดงความอาลัยและการจัดกิจกรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ตั้งแต่วันที่14 -24 ต.ค.มีจำนวนทั้งสิ้น 3,079,265 ราย และไม่ว่าสภาพอากาศในแต่ละวันจะเป็นอย่างไร ฝนจะตก แดดจะออกร้อนอบอ้าว แดดเต้นเป็นริ้วๆ แต่พสกนิกร ข้ารองพระบาทของพระองค์ กลับมิได้มีใคร ย่อท้อหรือยอมถอดใจ ในความโศกเศร้าจากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ เมื่อวันนี้ วันที่เราไม่มี พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 ทรงประทับอยู่กับเราอีกต่อไป แต่ถึงกระนั้นในความเสียใจ และทุกข์โศกที่ท่วมทับหัวใจของคนไทยทั้งชาติ ยามนี้กลับบังเกิด “ปรากฏการณ์มหัศจรรย์” การแสดงให้โลกได้เห็นว่า พระองค์ทรงพระมหากษัตริย์ที่เป็น “ King of Kings” ทรงเป็นที่หนึ่งในใจของคนไทยทั้งประเทศ และทรงเป็นหนึ่งเดียวของโลกที่ไม่มีใครเสมอเหมือน บัดนิ้ความทุกข์เศร้าภายในใจของประชาชน ทั้งที่อยู่ในประเทศและคนในต่างแดน ได้เปรเปลี่ยนไปสู่การสร้างปรากฎการณ์ที่ดีงาม ให้ตราตรึงใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการถวายความอาลัยด้วยใจที่จงรักภักดี ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อพสกนิกรเสมอมา ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ยาวนานถึง 70 ปี การแสดงความอาลัยของประชาชนมีขึ้นทั้งในรูปแบบของบุคคลและคณะบุคคล ที่พร้อมใจกันทำกิจกรรมต่างๆเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลอย่างต่อเนื่อง ความเศร้าโศกอาดูรต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะพี่น้องประชาชนคนไทยเท่านั้น หากแต่เรายังได้เห็น คนต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา ต่างพากันแสดงความอาลัยต่อพระองค์ ด้วยเราต่างมี “พ่อ”คนเดียวกัน ปรากฏการณ์แห่งความจงรักภักดีจากพสกนิกรที่มีต่อพระองค์ ล้วนมาจากหัวใจที่มี “ในหลวง” เป็นมิ่งขวัญ จนหลอมรวมให้พวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน จากหัวใจที่รับรู้แล้วว่า ไม่มีพระมหากษัตริย์ในโลกองค์ใดที่จะทรงงานหนัก ทุ่มพระวรกาย เสียสละตนเองเพื่อหาทางช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์โดยไม่เว้นว่างแม้ในยามที่ทรงประชวร ขณะประทับเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ก็ยังทรงเป็นห่วงเรื่องน้ำท่วม โครงการพระราชดำ มากมายเหลือคณานับ กว่า 4 พันโครงการล้วนแล้วแต่มีขึ้นมาเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้แก่ประชาราษฎร์ อีกทั้งยังทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกล จึงทรงมอบ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เอาไว้ให้ประชาชนคนไทยเพื่อรับมือกับปัญหาทั้งวันนี้และในวันข้างหน้า จากความรัก ความภักดี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจากประชาชนทุกหมู่เหล่า ไม่เว้นแม้แต่ชาวต่างชาติที่อาศัยร่มพระบรมโพธิสมภาร อยู่บนผืนแผ่นดินไทยอย่างมีความสงบสุข ต่างร่วมกันทำสิ่งที่ดีงาม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย วันนี้บริเวณท้องสนามหลวง คือสถานที่รองรับผู้คนที่หลั่งไหลจากทุกทิศทุกทาง ที่มาร่วมกันแสดงความอาลัยได้เกิดภาพแห่งความปีตี เมื่อคนไทยทุกคนต่างหันมาช่วยเหลือ แสดงน้ำใจไมตรี หยิบยื่นทุกความช่วยเหลือ เท่าที่กำลังของตนเองจะเกื้อกูลกันได้ ในแต่ละวันจะมีบุคคล หน่วยงาน ห้างร้านทำหน้าที่ “จิตอาสา” นำข้าวของ และจัดสรรกิจกรรมต่างๆเพื่อมาให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งการนำอาหาร น้ำดื่ม ยาหอม ยาลม มาเดินแจกจ่ายคนแปลกหน้า แต่กลับเหมือนเป็น ญาติมิตรในยามเผชิญหน้ากับความทุกข์จากการสูญเสียครั้งใหญ่ ทั้งกลุ่มจิตอาสา ที่มากันในนามกลุ่มแฟนคลับของ “ปอ” ทฤษฎี สหวงษ์ ดาราซึ่งล่วงลับไปตั้งแต่เดือน ม.ค. 2559 โดย “ลภัสรดา ทรัพย์สมบัติ” ประธานแฟนคลับ เล่าว่าได้รวบรวมสมาชิกแฟนคลับเพื่อมาทำกิจกรรมจิตอาสาในครั้งนี้ ถวายเป้นพระราชกุศล โดยซุ้มของกลุ่มแฟนคลับนี้ก็จะมีกิจกรรมแจกของกิน อาทิ ข้าวเหนียว หมูปิ้ง ให้กับผู้ที่เข้ามาในพื้นที่สนามหลวง โดยถ้ามีโอกาสรวมตัวกันได้อีก ก็คาดกันว่ากลุ่มนี้จะมาทำกิจกรรมเช่นนี้กันเรื่อยๆ ถ้าใครเริ่มจะหิวน้ำ ก็สามารถมาดื่มน้ำมะพร้าวเย็นๆที่ซุ้มจิตอาสาของ “ฑรัท เหลืองสอาด” นายอำเภอวัดเพลง จ.ราชบุรีได้ โดยผู้ใหญ่บ้าน “เสมา แก้วหอม” ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ อ.วัดเพลง ก็ได้เปิดเผยว่าทาง นายอำเภอฑรัท ได้รวบรวมทั้งเจ้าหน้าที่ปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี และผลิตภัณฑ์ผลไม้ประจำท้องถิ่นเพื่อมาบริการประชาชนในท้องสนามหลวงด้วย โดย ได้นำเอามะพร้าวจำนวนกว่า 13,000 ลูก และฝรั่งอีกกว่า 350 กิโลกรัม เพื่อมาบริการประชาชน หรือถ้าใครอยากจะดื่มกาแฟ ก็มีซุ้มจิตอาสาไว้ให้บริการอีกเช่นกัน ที่ซุ้มของสมาคมบาริสต้าไทย โดย “กอบกุล พรหมมาย” สมาชิกของสมาคมฯได้เปิดเผยว่าการจัดซุ้มครั้งนี้เป็นดำริของ “มีชัย อมรพัฒนกุล” นายกสมาคมฯ โดยได้จัดซุ้มจิตอาสาในกิจกรรมครั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.,ที่ผ่านมา โดยร้านกาแฟต่างๆที่เป็นสมาชิกสมาคมฯได้ขันอาสาผลัดเปลี่ยนเอาลูกจ้าง พนักงานในร้านกาแฟมาหมุนเวียนเพื่อให้บริการประชาชนในท้องสนามหลวง และ นอกจากนี้ ซู้มของสมาคมฯก็ยังรับวัตถุดิบทำกาแฟต่างๆ ที่ร้านกาแฟนั้นซื้อและจัดมาให้ อาทิ เมล็ดกาแฟ นมสด น้ำตาล เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถทำกาแฟและเครื่องดื่มสดๆไว้บริการประชาชนอย่างไม่ขาดสาย โดยซุ้มกาแฟจิตอาสานี้คาดว่าจะมาให้บริการประชาชนตลอดเรื่อยๆ ในช่วงถวายความอาลัยนี้ และอีกซุ้มจิตอาสาหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ซุ้มของมูลนิธิฮารนามซิงห์ ฮารบันส์กอร์ ซึ่ง “แยม คานียอ” หนึ่งในผุ้ที่ทำงานกับทางมูลนิธิฯก็เปิดเผยว่าพวกตนได้มาร่วมเปิดซุ้มจิตอาสาตั้งแต่วันแรกที่ทราบข่าวการสวรรคตแล้ว ด้วยความเป็นห่วงว่าผู้ที่จะมาร่วมถวายความอาลัยนั้นจะเหนื่อย เนื่องจากอากาศที่บางวันก็ร้อนอบอ้าว โดยกิจกรรมของซุ้มนี้ก็จะเป็นการชงเครื่องดื่มแจกให้ประชาชนอีกเช่นกัน “แยม” เปิดเผยว่า มูลนิธิ ฮารนามซิงห์ฯ นี้ก่อตั้งขึ้นมาเป็นระยะเวลา 40 กว่าปีแล้ว โดยมีผู้ก่อตั้งคือ “กูร มัคซิงห์” และ “มินเดอร์ กอร์ สัจจเทพ” และมีกิจกรรมเพื่อตอบสนองต่อโครงการในพระราชดำริมากมาย อาทิ การสร้างโรงเรียนในพื้นที่ จ.น่าน รวมไปถึงการจัดซุ้มแจกเครื่องดื่มให้กับประชาชนที่มาร่วมช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งคาดกันว่าจะจัดไปเรื่อยๆตลอดช่วงการไว้อาลัย และถ้าหากว่าใครมาร่วมงานนี้ ไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปคุณภาพดีๆมาด้วย ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รูปสวยๆ เพราะว่าที่สนามหลวงนี้มีซุ้มอาสาของชมรมถ่ายภาพคริสเตียน โดย “ นนท์สุดา สกุลนิท” สมาชิกชมรม เปิดเผยว่าชมรมถ่ายภาพคริสเตียนซึ่งมีสมาชิกกว่า 100 คน จะนัดกันมาทำกิจกรรม ถ่ายรูปให้กับผู้ที่มาร่วมถวายความอาลัย โดยจะถ่ายรูปผู้ร่วมงานพร้อมกับพระบรมฉายาลักษณ์และจะมีภาพพื้นหลังเป็นฉากพระบรมมหาราชวัง หลังจากนั้นก็จะอัพโหลดรูปภาพเหล่านั้นขึ้นบนเว็บไซต์ www.facebook.com/ShutterCShowcase ต่อไป และท้ายที่สุด ถ้าหากเหนื่อยล้าจากการเข้าร่วมกิจกรรม ก็สามารถไปนวดผ่อนหลายกันได้ที่ซุ้มนวดแผนไทย โดย “ มงคล ปิ่นน้อย” เจ้าของร้านนวดสายใต้ใหม่ซึ่งเป็นแกนนำในการเปิดซุ้มนี้ เปิดเผยว่า ตนมาร่วมงานนี้เพราะความรักที่มีต่อพ่อหลวง และเป็นห่วงว่าผู้มาร่วมถวายความอาลัยหลายคนจะเมื่อยล้า โดยผู้ที่ร่วมเป็นหมดนวดแผนไทยจิตอาสาด้วยนั้นก็มีทั้งกลุ่มหมดนวดแผนไทยประจำวิสาหิจ ชุมชนชีวภัทร หมอนวดประจำตลาดคลองลัดมะยม และก็คาดว่าจะเปิดซุ้มกันตลอดทั้งกิจกรรมนี้ นอกเหนือไปจากการทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสร้างความดีถวายเป็นพระราชกุศลซึ่งถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทยแล้ว ยังต้องไม่ลืมว่าการรวมตัวผนึกกำลังของพสกนิกรชาวไทย เรือนหมื่นเรือนแสน ณ มณฑลท้องสนามหลวง ได้เกิดขึ้นมาแล้วสองครั้งสองครา จนสร้างความปลาบปลื้มใจให้ทั่วโลกได้ประจักษ์ถึงความรัก ความภักดีที่คนไทยมีต่อในหลวง รัชกาลที่ 9 อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ภาพของประชาชนนับแสนที่คนพากันมา เฝ้ารอส่งเสด็จครั้งสุดท้าย ในพิธีเชิญพระบรมศพ ตั้งแต่โรงพยาบาลศิริราช ไปจนถึงถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมาไปยังพระบรมมหาราชวังที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า เสียงร่ำไห้ดังระงมไปตลอดสองข้างทาง คนเฒ่าคนแก่ ผู้พิการ เด็กเล็ก ทั้งชายและหญิง ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ตลอดจนประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกระดับชั้นต่างร้องไห้เสียใจไม่แตกต่างกัน ในมือต่างชูภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ของพระองค์เอาไว้อยู่เหนือหัว เทิดเอาไว้ให้สูงที่สุดเท่าที่จะพึงกระทำได้ จนมาถึงกิจกรรมล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อพสกนิกรเรือนแสน ต่างพร้อมใจกันเดินทางมาจากทุกทิศทุกทางเพื่อร่วมกันร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” จนดังกึกก้องไปทั่วท้องสนามหลวง เพื่อบอกให้โลกได้รู้ว่าเรารักพระเจ้าอยู่หัวของเรามากแค่ไหน ภาพที่ปรากฏคือจำนวนคลื่นมหาชามหาศาลยังได้ร่วมกันจุดเทียนสีขาวเพื่อแสดงความอาลัย สว่างไสวไปทั่วบริเวณท้องสนามหลวงและพื้นที่โดยรอบ ทุกคนต่างพร้อมใจกันมาร่วมเขียนประวัติศาสตร์ ด้วยการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีเพื่อให้พระองค์ได้รับรู้ว่าลูกๆรัก “พ่อ” มากแค่ไหน สิ่งที่พสกนิกรได้แสดงความรัก ความภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ คือภาพสะท้อนได้อย่างชัดแจ้งถึงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับสถาบัน ว่ามีค่า มีความลึกซึ้งมากแค่ไหน แม้อาจจะเป็นเรื่องยากที่ “ชาวตะวันตก” มองเราอย่างไม่เข้าใจ ว่าเหตุใด เราจึงรักพระมหากษัตริย์ได้มากมายถึงเพียงนี้ ทั้งที่พระองค์ไม่เคยบอกให้เรารักท่าน แต่ขอให้เรารักกันเอง “รู้รักสามัคคี” ทั้งที่พระองค์สามารถเลือกความสบายแทนการใช้เวลาทั้งชีวิตของพระองค์เพื่อพสกนิกร แต่ในหลวงกลับเลือก “อาบน้ำต่างน้ำ” ทรงรักและห่วงใย ประชาชนเสมอมา วันนี้แม้พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จะเสด็จสู่สวรรคาลัย กลับคืนสู่สรวงสวรรค์ แต่ที่สุดแล้ว พระองค์ยังคงสถิตอยู่ในหัวใจของไทยทุกคนตลอดไป เพราะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ “ครองใจคน” ดังที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เคยกล่าวเอาไว้ “ผมเคยอยู่มาแล้วหลายแผ่นดิน แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวแผ่นดินใดที่คนทั้งเมืองเขาเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ให้ความเคารพบูชาอย่างสนิทสนมอย่างทุกวันนี้… พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อน ๆ ทรงครองแผ่นดิน แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลนี้ทรง ครองใจคน”