ชวด"วิษณุ"ไทยหมดสิทธิ์ขอเฉลี่ยทรัพย์คำตัดสิน "ศาลโอลด์ เบลีย์" ที่ให้บริษัทขายเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จ่ายเยียวยาประเทศที่ซื้อ เหตุ หน่วยงานไทย ไม่ได้ซื้อยี่ห้อ "เอดีอี" รอลุ้น อีกคดี ที่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิต "จีที200" เมื่อวันที่ 30 ก.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงควมคืบหน้ากรณีดำเนินการเรียกร้องเงินเยียวยาจากบริษัทผู้ผลิตเครื่อตรวจวัตถุระเบิดปลอม จีที 200 ว่า มีความคืบหน้าหลังจากเรียกหน่วยงานที่ได้จัดซื้อเครื่องดังกล่าวมาประชุมครั้งที่ 2 มีข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติม แต่ยังไม่ตอบสิ่งที่เราตั้งคำถามไว้ทั้งหมด ทั้งยังต้องรอการตรวจสอบจากป.ป.ช.ที่จะแถลงผลการไต่สวนช่วงเดือนกันยายน ส่วนคดีความในชั้นอัยการ 16 คดี ตนทราบว่ามีการฟ้องร้องจากหน่วยงานรัฐเพิ่มเข้ามาเป็น 17-18 คดี โดยอัยการมีโจทย์บางอย่างที่ต้องค้นเพิ่มเติม เนื่องจากยังมีเวลายังอยู่ในอายุความ โดยส่วนใหญ่เป็นการฟ้องร้องบริษัทผู้ผลิต และมีปัญหาด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (พ.ร.บ.ฮั้ว) หรือสมยอมราคา ส่วนคำพิพากษาศาลโอลด์ เบลีย์ ประเทศอังกฤษ ที่ตัดสินให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องตรวจวัตถุระเบิดปลอมชดใช้ค่าเสียหายให้ประเทศที่ซื้อไปนั้น ก็ได้รับรายงานว่า การขอคัดคำพิพากษามีค่าใช้จ่ายแพงมาก ตนจึงสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องไปขอดูหรือขอยืมคำพิพากษาจากโจทก์และจำเลยในคดีนี้แล้วรายงานกลับมาก็พอ "มันได้ข้อยุติอยู่ประการหนึ่ง เครื่องมือมี3ยี่ห้อ ผมเคยพูดไปแล้ว แต่วันนี้มันชัดแล้วว่า เราไม่ได้สั่งซื้อเครื่องรุ่น เอดีอี แม้แต่เครื่องเดียว คดีที่ศาลโอลด์ เบลีย์ ตัดสินนั้นเป็นคดีที่เกี่ยวกับการซื้อขายเครื่องยี่ห้อเอดีอี เพราะฉะนั้น การจะไปยื่นขอเฉลี่ยไม่ได้ ด้วยเหตุว่าเราไม่ได้เป็นคู่ความ ศาลได้ระบุไว้แล้วว่าให้จ่ายแก่ประเทศอะไร ซึ่งไม่มีประเทศไทย และเราไม่ได้ซื้อจากบริษัทเหล่านั้น ยี่ห้อนั้น มันก็จบไป" นายวิษณุ กล่าว นายวิษณุ กล่าวต่อว่า แต่อีกคดีที่ศาลตัดสินในส่วนของอาญาไปแล้ว แต่ส่วนคดีแพ่งยังไม่มีคำตอบคือคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ขายเครื่องยี่ห้อจีที200 ให้ไทย คดีนี้ถ้าศาลตัดสินให้บริษัทดังกล่าวชดใช้ เราอาจมีโอกาสได้ แต่หน่วยงานหนึ่งรายงานว่า ทรัพย์ของบริษัทดังกล่าวที่ศาลสั่งอายัดคิดเป็นมูลค่าเงินไทยจำนวนเพียงเลขตัวเดียวของหลักล้าน ลำพังจ่ายให้โจทก์ก็ไม่พออยู่แล้ว ซึ่งการจะดำเนินการฟ้องร้อง ก็เป็นคำตอบหนึ่งที่กำลังให้พิจารณาว่าสุดท้ายจะคุ้มหรือไม่ เพราะต้องดำเนินการที่ศาลอังกฤษ เสียค่าทนาย แล้วถ้าฟ้องเพื่อต้องการให้จำคุกเจ้าของบริษัทผู้ผลิตจีที200 ก็ถูกตัดสินจำคุกไปหลายปีแล้ว ถ้าจะดำเนินการทางแพ่ง ก็ไม่แน่ใจว่าเราจะไปชี้ช่องให้ศาลอังกฤษเห็นได้อย่างไรว่าบริษัทดังกล่าวมีทรัพย์สินอื่น นอกเหนือจากที่ถูกอายัดอีก